วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

คุฏบะฮ์ - สุขดุนยา สวรรค์อาคิเราะฮ์ - ซุฟอัม อุษมาน

 



ฟังคุฏบะฮ์นี้ได้จาก YouTube

คุฏบะฮ์ - ความสุขดุนยา สวรรค์อาคิเราะฮ์ - ซุฟอัม อุษมาน - YouTube

หรือบน SoundCloud

Stream คุฏบะฮ์ - ความสุขดุนยา สวรรค์อาคิเราะฮ์ - ซุฟอัม อุษมาน by e-Daiyah | Listen online for free on SoundCloud


พี่น้องผู้ศรัทธาที่อัลลอฮ์รักและเมตตาทุกท่าน

อัลหัมดุลิลลาฮ์ ชุโกรต่ออัลลอฮ์และรำลึกถึงนิอฺมัตต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้กับเรา

พี่น้องครับ มนุษย์ทั้งหมดที่มีชีวิตอยู่ในโลกล้วนแสวงหาความสุข เป็นข้อเท็จจริงที่บรรดานักปราชญ์ได้พูดถึงไว้นานแล้วตั้งแต่อดีต มีคำพูดหนึ่งที่กล่าวว่า

"قَال بعض العلماء: فكَّرتُ فيما يَسعى فيه العقلاء، فرأيتُ سعيَهم كلَّه في مطلوبٍ واحد، وإن اختلَفت طرقهم في تحصيله، رأيتُهم جميعَهم إنما يسعَون في دفع الهمِّ والغمِّ عن نفوسهم؛ فهذا بالأكل والشراب، وهذا بالتجارة والكَسْب، وهذا بالنِّكاح، وهذا بسَماع الغِناء، وهذا باللَّهو واللعب. [الداء والدواء لابن القيم 450].

อุละมาอ์บางท่านได้กล่าวว่า ฉันคิดใคร่ครวญถึงสิ่งที่บรรดาผู้มีปัญญาต่างทุ่มเทแสวงหากัน และฉันก็พบว่าความทุ่มเทของพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น แม้ว่าจะมีหนทางในการแสวงหาที่แตกต่างหลากหลาย แต่จุดหมายกลับเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นก็คือ ทุกคนต่างทุ่มเทแสวงหาการขจัดทุกข์และความกังวลให้พ้นจากตัวเอง บางคนก็ใช้วิธีกินและดื่ม บางคนก็ใช้วิธีการค้าขายและหาเลี้ยงชีพ บางคนก็รักษาด้วยการแต่งงาน บางคนด้วยการฟังเพลง บางคนก็ด้วยการรื่นเริงและละเล่นให้เพลิดเพลิน”  (อัด-ดาอ์ วะ อัด-ดะวาอ์ ของ อิบนุล ก็อยยิม 450)

หมายถึงว่า สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต่างก็ทำก็คือ พยายามหาความสุขให้ตัวเองและพยายามขจัดทุกข์ให้พ้น เช่น การที่เราแสวงหาเงินทองเพราะเรารู้สึกว่าการไม่มีเงินคือความทุกข์ อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น ความสุขคือสิ่งที่เราทุกคนต่างแสวงหา แต่วิธีการของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ในภาพรวมแล้วมีแค่สองแบบเท่านั้น คือ

หนึ่ง การแสวงหาความสุขภายใต้การเชื่อฟังอัลลอฮ์

สอง การแสวงหาความสุขด้วยรูปแบบที่เป็นการละเมิดบทบัญญัติของอัลลอฮ์

สำหรับผู้ศรัทธา พวกเขาจะแสวงหาความสุขภายใต้กฎเกณฑ์และคำสั่งของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา เป้าหมายสำคัญของพวกเขาคือการได้รับความโปรดปรานของพระองค์ พยายามที่จะใกล้ชิดอัลลอฮ์ และจะทำอย่างไรให้ตัวเองรอดพ้นจากการลงโทษของพระองค์ในวันอาคิเราะฮ์

อัลลอฮ์ได้ตรัสถึงผู้ศรัทธาเหล่านี้ว่า

﴿مَنۡ عَمِلَ صَٰلِحٗا مِّن ذَكَرٍ أَوۡ أُنثَىٰ وَهُوَ مُؤۡمِنٞ فَلَنُحۡيِيَنَّهُۥ حَيَوٰةٗ طَيِّبَةٗۖ وَلَنَجۡزِيَنَّهُمۡ أَجۡرَهُم بِأَحۡسَنِ مَا كَانُواْ يَعۡمَلُونَ 97﴾ [النحل: 97] 

ความว่า “ผู้ใดก็ตามที่ทำความดี ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ในสภาพที่เขาเป็นผู้ศรัทธา แน่นอน เราจะให้เขาได้มีชีวิตที่ดี และแน่นอน เราจะตอบแทนผลบุญแก่พวกเขาด้วยสิ่งที่ดีที่สุดจากความดีที่พวกเขาเคยทำ” (อัน-นะห์ลฺ 97)

ผู้ศรัทธาที่ทำความดีในขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้ภายใต้การเชื่อฟังอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา บนเส้นทางแห่งอีมาน อัลลอฮ์จะให้ชีวิตที่ดีแก่พวกเขา จะให้พวกเขามีความสุขในการใช้ชีวิตบนโลกดุนยา

ความสุขของผู้ศรัทธาก็คือการที่พวกเขาได้ทำอะมัลศอลิห์และการได้เป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ในดุนยาพวกเขาจะมี “หะยาตัน ฏ็อยยิบะฮ์” คือ ชีวิตที่ดี และเวลาที่พวกเขากลับไปหาอัลลอฮ์ในวันอาคิเราะฮ์ พระองค์ก็จะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดตามที่พวกเขาได้ทำความดีในขณะที่มีชีวิตในดุนยา

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«ذاقَ طَعْمَ الإِيْمَانِ مَنْ رَضِيَ بِاللهِ رَبًّا، وَبِالْإِسْلَامِ دِيْنًا، وَبِمُحَمَّدٍ رَسُوْلًا». [مسلم برقم 34]

ความว่า “จะได้สัมผัสอรรถรสแห่งความศรัทธา สำหรับคนที่สยบยอมพอใจให้อัลลอฮ์เป็นพระเจ้า ให้อิสลามเป็นศาสนา และให้มุฮัมมัดเป็นศาสนทูต” (บันทึกโดยมุสลิม 34)

ผู้ศรัทธาจะมีความสุข ด้วยการที่พวกเขาพอใจที่มีอัลลอฮ์เป็นพระเจ้าของเขา ที่เขาอิบาดะฮ์และเคารพภักดี พอใจที่มีอิสลามเป็นศาสนาของเขา เป็นธรรมนูญ เป็นทางนำชีวิต และพอใจที่มีท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นเราะสูลของเขา เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต นี่คือชีวิตของผู้ศรัทธาที่แท้จริง ซึ่งท่านนบีบอกว่าพวกเขาจะได้ลิ้มอรรถรสอันงดงามและความสุขจากการได้เป็นผู้ศรัทธา

 

พี่น้องครับ

บางทีเราอาจจะมีความรู้สึกว่า เป็นผู้ศรัทธาต้องเจอกับความยากลำบากและความทุกข์มากมายเป็นบททดสอบในชีวิต เราเห็นบรรดานบีในอดีตโดนกระทำและถูกบีบคั้นกดขี่ข่มเหงอย่างมากมายมาทุกยุคสมัย แล้วพวกเขาจะมีความสุขได้อย่างไร

แน่นอนว่า การที่เราบอกว่าผู้ศรัทธามีความสุขไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ และการที่เราถูกทดสอบก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีความสุข ถ้าหากเรากลับไปย้อนดูเรื่องราวของบรรดานบีเหล่านั้นเราก็จะเห็นว่าพวกเขามีความสุขได้แม้ว่าจะถูกทดสอบ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขามีความศรัทธาต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา

ความสุขแบบนี้แหละที่บรรดาอุละมาอ์เรียกว่า “สวรรค์ในดุนยา” ซึ่งใครที่ไม่เคยได้สัมผัสสวรรค์นี้ในดุนยา เขาก็จะไม่ได้รับโอกาสได้เข้าสวรรค์ในอาคิเราะฮ์

"إِنَّ فِي الدُّنْيَا جَنَّةً مَنْ لَّمْ يَدْخُلْهَا لَا يَدْخُلُ جَنَّةَ الْآخِرَةِ"

“ในดุนยานั้นมีสวรรค์หนึ่งอยู่ ใครก็ตามที่ไม่เคยเข้าสวรรค์ในดุนยา เขาก็จะไม่ได้เข้าสวรรค์ในอาคิเราะฮ์”[1]

สวรรค์ในดุนยาก็คือ การที่เราได้รู้จักอัลลอฮ์ ได้ศรัทธาต่อพระองค์ เวลาที่เราศรัทธาต่ออัลลอฮ์เราก็จะซาบซึ้งในนิอฺมัตของพระองค์ เวลาที่เราลำบากเรารู้สึกถึงการช่วยเหลือของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา นั่นแหละคือสวรรค์ในดุนยา การที่เราเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ คือ สวรรค์ สำหรับมนุษย์ในชีวิตบนดุนยานี้ และแน่นอน เมื่อเราได้เข้าสวรรค์ในดุนยาก็ไม่แปลกที่เราจะได้เข้าสวรรค์ในอาคิเราะฮ์อีกครั้งหนึ่ง

 

พี่น้องครับ

หนทางในแบบที่สองในการแสวงหาความสุขก็คือ การหาความสุขตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ (ฮาวา นัฟซู) ที่ยึดติดกับโลกดุนยานี้ ภายใต้การตามชัยฏอน นะอูซุบิลลาฮิมินซาลิก ความสุขแบบความหวังลมๆ แล้งๆ ปรนเปรอตัวเองด้วยความสำราญของดุนยา โดยไม่สนใจใยดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาในโลกอาคิเราะฮ์ มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความสุขในดุนยานี้โดยไม่คิดว่าหลังความตายจะต้องกลับไปหาอัลลอฮ์ และจะต้องเจอกับอะไรบ้างหรือจะต้องเตรียมอะไรไปบ้าง

ความสุขแบบนี้เป็นความสุขของคนที่ไม่มีศรัทธาต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา พระองค์ตรัสว่า

﴿وَٱلَّذِينَ كَفَرُواْ يَتَمَتَّعُونَ وَيَأۡكُلُونَ كَمَا تَأۡكُلُ ٱلۡأَنۡعَٰمُ وَٱلنَّارُ مَثۡوٗى لَّهُمۡ 12﴾ [محمد: 12] 

ความว่า “บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะเสพสุขและกินเหมือนที่สรรพสัตว์ใช้ชีวิตกินดื่ม และไฟนรกนั้นคือที่พำนักของพวกเขา” (มุหัมมัด 12)

ผู้ไม่ศรัทธาจะนอน ตื่น ดื่ม กิน ถ่าย เสพสุขหมุนเวียนไปในแต่ละวันโดยไม่ได้คิดถึงชีวิตในโลกหน้า พวกเขาอาจจะรู้เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิธีการแสวงหาความสุขในโลกดุนยา รู้ว่าจะทำอย่างไรให้กินอร่อย ให้นอนได้หลับ ให้หล่อให้สวย ให้มีความสุขกับดุนยา แต่ไม่รู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับอาคิเราะฮ์ ไม่รู้ว่าจะกลับไปหาอาคิเราะฮ์อย่างไร ให้ได้เจอกับอัลลอฮ์ ให้ได้เป็นชาวสวรรค์ พวกเขารู้วิธีการทุกอย่างที่จะตอบสนองอารมณ์และฮาวานัฟซูนในดุนยา แต่เรื่องอาคิเราะฮ์กลับตอบอะไรไม่ได้เลยหรือไม่รู้สิ่งใดเลยที่จะทำให้ตัวเองรอดพ้นและปลอดภัย

อัลลอฮ์ตรัสว่า

﴿يَعۡلَمُونَ ظَٰهِرٗا مِّنَ ٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَهُمۡ عَنِ ٱلۡأٓخِرَةِ هُمۡ غَٰفِلُونَ 7﴾ [الروم: 7] 

ความว่า “พวกเขารู้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในดุนยานี้ แต่พวกเขากลับหลงลืมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอาคิเราะฮ์” (อัร-รูม 7)

นี่เป็นความสุขที่อัลลอฮ์บอกว่า เป็นความสุขชั่วคราว และสุดท้ายก็ต้องกลับไปพำนักในไฟนรก วัลอิยาซุบิลลาฮ์ มินซาลิก

﴿قُلۡ تَمَتَّعۡ بِكُفۡرِكَ قَلِيلًا إِنَّكَ مِنۡ أَصۡحَٰبِ ٱلنَّارِ 8﴾ [الزمر: 8] 

ความว่า “จงกล่าวเถิด(โอ้มุหัมมัด) จงเสพสุขกับการปฏิเสธของเจ้าสักเล็กน้อยเถิด แท้จริงแล้วเจ้าจะเป็นหนึ่งในชาวนรก” (อัซ-ซุมัร 8)

ดังนั้น ผู้ศรัทธามีความสุขด้วยการศรัทธาต่ออัลลอฮ์ มอบหัวใจให้อยู่ในการดูแลของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ผู้เป็นร็อบบุลอาละมีน พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล เมื่อหัวใจของเราอยู่กับพระองค์ก็จะไม่ยึดติดอยู่กับโลกดุนยาอันคับแคบนี้ ไม่เหมือนกับบรรดาผู้ปฏิเสธที่แสวงหาความสุขด้วยการแสวงหาความสุขให้กับร่างกายที่ยึดติดอยู่กับดุนยา และหัวใจถูกกุมขังอยู่กับอารมณ์และฮาวานัฟซูของตัวเอง

 

พี่น้องผู้ศรัทธาทุกท่าน

ถ้าเรานิยามว่าความสุขคือการมีเงินมีทอง ก็ขอให้ทราบว่าเงินทองและริซกีมาจากอัลลอฮ์ พระองค์เป็นผู้กำหนด

﴿ٱللَّهُ يَبۡسُطُ ٱلرِّزۡقَ لِمَن يَشَآءُ وَيَقۡدِرُۚ وَفَرِحُواْ بِٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَمَا ٱلۡحَيَوٰةُ ٱلدُّنۡيَا فِي ٱلۡأٓخِرَةِ إِلَّا مَتَٰعٞ 26﴾ [الرعد: 26] 

ความว่า “อัลลอฮ์ทรงแผ่ริซกีให้กว้างขวางแก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์ และทรงจำกัดมันให้กับผู้ที่พระองค์ประสงค์ พวกเขาจะยินดีด้วยชีวิตในโลกดุนยา ทั้งที่ชีวิตในดุนยาเมื่อเทียบกับอาคิเราะฮ์แล้วเป็นเพียงการเสพสุขชั่วคราวเท่านั้น” (อัร-เราะอฺด์ 26)

ดุนยาเป็นความสุขชั่วคราว แต่อาคิเราะฮ์คือความสุขถาวร นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เราอาจจะหลงลืมมากที่สุด อัลลอฮ์จึงได้เตือนให้เราทราบและตระหนักอยู่เสมอ

﴿ٱعۡلَمُوٓاْ أَنَّمَا ٱلۡحَيَوٰةُ ٱلدُّنۡيَا لَعِبٞ وَلَهۡوٞ وَزِينَةٞ وَتَفَاخُرُۢ بَيۡنَكُمۡ وَتَكَاثُرٞ فِي ٱلۡأَمۡوَٰلِ وَٱلۡأَوۡلَٰدِۖ كَمَثَلِ غَيۡثٍ أَعۡجَبَ ٱلۡكُفَّارَ نَبَاتُهُۥ ثُمَّ يَهِيجُ فَتَرَىٰهُ مُصۡفَرّٗا ثُمَّ يَكُونُ حُطَٰمٗاۖ وَفِي ٱلۡأٓخِرَةِ عَذَابٞ شَدِيدٞ وَمَغۡفِرَةٞ مِّنَ ٱللَّهِ وَرِضۡوَٰنٞۚ وَمَا ٱلۡحَيَوٰةُ ٱلدُّنۡيَآ إِلَّا مَتَٰعُ ٱلۡغُرُورِ 20﴾ [الحديد: 20] 

ความว่า “พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่น การสนุกสนานรื่นเริง เครื่องประดับประดา ความโอ้อวดระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันสะสมในทรัพย์สินและลูกหลาน เปรียบเสมือนเช่น น้ำฝนที่ทำให้พืชผลงอกงามส่งความพอใจให้แก่ผู้เพาะปลูก หลังจากนั้นมันก็เหี่ยวแห้ง เจ้าจะเห็นมันเป็นสีเหลือง แล้วมันก็กลายเป็นเศษซาก ส่วนในวันปรโลกนั้นมีการลงโทษอย่างสาหัส ในขณะเดียวกันก็ยังมีการอภัยโทษและความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ส่วนการมีชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้ไม่ได้เป็นสิ่งใดเลย นอกจากความสุขที่ล่อลวงให้เราหลงลืม” (อัล-หะดีด 20)

ความสุขในดุนยาจะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องมีวันสิ้นสุด และสุดท้ายมนุษย์ก็จะต้องกลับไปหาอาคิเราะฮ์ ดังนั้นอัลลอฮ์จึงเรียกร้องในอายะฮ์ถัดไปว่า

﴿سَابِقُوٓاْ إِلَىٰ مَغۡفِرَةٖ مِّن رَّبِّكُمۡ وَجَنَّةٍ عَرۡضُهَا كَعَرۡضِ ٱلسَّمَآءِ وَٱلۡأَرۡضِ أُعِدَّتۡ لِلَّذِينَ ءَامَنُواْ بِٱللَّهِ وَرُسُلِهِۦۚ ذَٰلِكَ فَضۡلُ ٱللَّهِ يُؤۡتِيهِ مَن يَشَآءُۚ وَٱللَّهُ ذُو ٱلۡفَضۡلِ ٱلۡعَظِيمِ 21﴾ [الحديد: 21] 

ความว่า “จงรีบรุดแข่งขันแสวงหาการอภัยโทษจากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้า และมุ่งแสวงหาสวรรค์ที่กว้างใหญ่ประดุจความกว้างของชั้นฟ้าและแผ่นดิน สวรรค์นั้นถูกเตรียมไว้แก่บรรดาผู้ที่มีความศรัทธาต่ออัลลอฮ์และเราะสูลของพระองค์ นั่นเป็นความโปรดปรานของอัลลอฮ์ ซึ่งพระองค์จะประทานมันให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นผู้ที่ยิ่งด้วยความโปรดปรานอันใหญ่หลวง” (อัล-หะดีด 21)

จึงได้เห็นชัดว่าจะเข้าสวรรค์อันเปี่ยมสุขในอาคิเราะฮ์ ก็ต้องผ่านอีมานความศรัทธาเท่านั้น เพราะฉะนั้นการอีมานของเราก็คือสวรรค์อันเปี่ยมสุขของเราในดุนยานั่นเอง



[1] เป็นคำพูดของอิบนุ ตัยมียะฮ์ที่อิบนุลก็อยยิมกล่าวถึงไว้ใน อัล-วาบิล อัศ-ศ็อยยิบ ดูเพิ่มเติมใน มัจญ์มูอฺ อัล-ฟะตาวา 3/259

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

- สงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นใดๆ ก็ตามที่พิจารณาว่าไม่เหมาะควร -

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น