วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553

จงขบมันด้วยกราม

พวกท่านจงยึดมั่นบนแนวทางของฉัน และแนวทางของเหล่าเคาะลีฟะฮฺผู้ได้รับการชี้นำ
... จงขบมันด้วยกราม

กลางดึกของคืนที่แสนวังเวง

ภาพของชายแก่คู่หนึ่ง ... กำลังปีนเขาที่สูงลิบลิ่ว

เท้าที่ระบมเป็นแผล ... โดนหินบาด

ลมหายใจหอบแรง ... ด้วยความเหนื่อยล้า

ทว่า ... หัวใจยังเข้มแข็ง

ใบหน้าไร้แววท้อถอย ...

พวกเขา ... กำลังทำหน้าที่สำคัญ ... สำหรับลูกหลาน

เพื่อปกป้องอิสลาม ...ที่กำลังถูกไล่ล่า

เพื่อวันนี้ ... ที่เราได้มีสัจธรรมเป็นทางนำ

การต่อสู้ของบรรพบุรุษ ... ยิ่งกว่า สงคราม

เพียงเพื่อปุถุชนรุ่นลูกได้มีมรดกนี้สืบทอด

มรดกที่ต้องแลกด้วยเลือด ... ด้วยเนื้อ ... ด้วยชีวิต

มรดกชิ้นเดียวที่ได้รับการคุ้มครองด้วยจิต ... และวิญญาณ

หากวันนี้ ... ไฉนเล่า

อัญมณีอันสูงค่า กลับกลายเป็นของเก่าที่ถูกเมิน

ทำไม...

มรดกของบรรพบุรุษจึงถูกเพิกเฉย ...

... ไม่ได้รับการพิทักษ์

มิไยคนรุ่นปู่ต้องเสียเลือดเนื้อเปล่าๆ กระนั้นหรือ ...?

โอ้ ... มิน่าเล่า

ผู้คนแห่งศตวรรษนี้ ... ถึงได้น่าสมเพช

หัวใจที่ไร้วิญญาณแห่งการศรัทธา ...

พฤติกรรมที่ส่อถึงความเสื่อมโทรมของความคิด

เงาของศีลธรรมที่ถูกบดบังด้วยตัณหา ... อา

ครั้งก่อน ...

... โลกเคยประจักษ์ความสันติสุข

ครั้งนี้ ...

... โลกกำลังวุ่นวายทั่วทุกสารทิศ

เรา ... เหล่าประชาชาติของมูฮัมหมัด

ไฉนเลยไม่ฟังคำสั่งเสียเฮือกสุดท้ายของท่าน

"จงขบมันด้วยกราม"

..........

เีขียนไว้ ณ ดินแดนแห่งการฮิจญ์เราะฮฺ
เมื่อ วันหนึ่งในความทรงจำ