วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

จิตวิทยา…นักดาอีย์

ภารกิจอิสลามในยามนี้
นักดาอีย์มีบทบาทประกาศสาส์น
สู่ความจริงอันยิ่งใหญ่ในวันวาน
ภาระงานสานก่อ…ช่วงต่อไป

งานแยบยลคนทำ…จำต้องคิด
รู้ถูกผิด ติดตามความเคลื่อนไหว
วิเคราะห์คน…ค้นหาพาเข้าใจ
บรรจงใส่ใช้สาส์น…ผ่านขั้นตอน

ต้องสนิทชิดเชื้อเกื้อกูลให้
ทำด้วยใจไมตรีพร้อมชี้สอน
เพื่อผู้คนพ้นห่าง…ทางชัยฏอน
และสังวรผ่อนปรน…กลวิธี

ยุทธศาสตร์ปราดเปรื่องในเรื่องมิตร
ชี้ถูกผิดอิสลามตามวิถี
ศาสตร์และศิลป์ถวิลหา…นักดาอีย์
บุคลิกดีพลีตนในหนทาง

หน้าบึ้งบูดพูดจา…ขวานผ่าซาก
พลาดพลั้งปากฝากไว้ให้สะสาง
หัดพูดเพราะเสนาะหูเพื่อปูทาง
เป็นแบบอย่างสร้างคน…ด้วยดลใจ

พึงเรียนรู้ผู้คน…ที่ตนผ่าน
มีหลายด้านอ่านออกบอกวิสัย
คุมสติมิให้เพื่อน…สะเทือนใจ
เป็นก้าวใหม่ให้มิตร…ต่อติดตาม

นักดาอีย์ชี้นำ…ธรรมและสุข
รับและรุก…ปลุกใจให้เกรงขาม
ต่อพระองค์ทรงเอกาในฟ้าคราม
ให้อิสลาม…งามสวย…ด้วยดาอีย์ 

(อัลฮัมดุลิลละฮ์)

........................................................
ประพันธ์โดย ... ซิลเวีย อิรฟาน
เครดิต : อิกเราะอ์ฟอรั่ม

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552

ยิวกับปาเลสไตน์ ภาพสะท้อน ฟิรเอาน์กับมูซา อะลัยฮิสลาม

وَقَالَ الْمَلأُ مِن قَوْمِ فِرْعَونَ أَتَذَرُ مُوسَى وَقَوْمَهُ لِيُفْسِدُواْ فِي الأَرْضِ وَيَذَرَكَ وَآلِهَتَكَ قَالَ سَنُقَتِّلُ أَبْنَاءهُمْ وَنَسْتَحْيِـي نِسَاءهُمْ وَإِنَّا فَوْقَهُمْ قَاهِرُونَ (127) قَالَ مُوسَى لِقَوْمِهِ اسْتَعِينُوا بِاللّهِ وَاصْبِرُواْ إِنَّ الأَرْضَ لِلّهِ يُورِثُهَا مَن يَشَاءُ مِنْ عِبَادِهِ وَالْعَاقِبَةُ لِلْمُتَّقِينَ (128) قَالُواْ أُوذِينَا مِن قَبْلِ أَن تَأْتِينَا وَمِن بَعْدِ مَا جِئْتَنَا قَالَ عَسَى رَبُّكُمْ أَن يُهْلِكَ عَدُوَّكُمْ وَيَسْتَخْلِفَكُمْ فِي الأَرْضِ فَيَنظُرَ كَيْفَ تَعْمَلُونَ (129) وَلَقَدْ أَخَذْنَا آلَ فِرْعَونَ بِالسِّنِينَ وَنَقْصٍ مِّن الثَّمَرَاتِ لَعَلَّهُمْ يَذَّكَّرُونَ (130) (الأعراف)

เมื่อครั้งที่มูซาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูต อัลลอฮฺได้มีบัญชาให้มูซาเข้าไปหาฟิรเอาน์เพื่อเรียกร้องสิทธิความเป็นธรรมแก่ชาวยิวที่ถูกกระทำอธรรมและทรมานทรกรรมภายใต้การปกครองของฟิรเอาน์ และเรียกร้องให้ฟิรเอาน์ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ

ฝ่ายฟิรเอาน์เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้เย้นหยันมูซา และท้าทายให้มูซาแสดงหลักฐานความเป็นนบีให้เห็น มูซาจึงได้แสดงมุอฺญิซาต(หลักฐานที่เป็นความมหัศจรรย์)ด้วยการขว้างไม้เท้าให้กลายเป็นงู และหลักฐานอื่นๆ อีกบางอย่างให้เห็น

กระนั้นฝ่ายฟิรเอาน์ก็เย้ยหยันอีกว่านี่เป็นมายากลแท้ๆ ไม่ใช่หลักฐานแสดงความจริงแต่อย่างใด จึงได้รวบรวมเหล่านักมายากลและนักไสยศาสตร์มาต่อสู้กับมูซา ผลสุดท้าย สัจธรรมก็มีชัยเหนือความจอมปลอม เหล่านักมายากลพวกนักแพ้อย่างราบคาบ และได้รู้ในทันทีว่าสิ่งที่มูซาพูดนั้นเป็นความจริง พวกนักมายากลทั้งหมดจึงยอมรับมูซาและศรัทธาต่ออัลลอฮฺ

ฟิรเอาน์ยังไม่พอใจ กล่าวหาเหล่านักมายากลนั้นสุมหัวกับมูซาเพื่อก่อกบฎต่อต้านตน ความไม่พอใจดังกล่าวนำไปสู่การขู่ที่จะทรมานพวกเขา แต่ศรัทธาที่เชื่อมั่นของนักมายากลเหล่านั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับทำให้พวกเขายิ่งเชื่อมั่นในอัลลอฮฺมากยิ่งขึ้น

(ดูในสูเราะฮฺ อัล-อะอฺรอฟ 7:103-126)

จากนั้น เรื่องราวในอายะฮฺที่ยกมาข้างต้นก็เริ่มขึ้น ...

เหล่าเสนาบดีของฟิรเอาน์ถามฟิรเอาน์ว่า "ท่านจะปล่อยมูซาและพวกพ้องวงศ์วานอิสรออีลของเขาไว้เพื่อก่อความเสียหายในแผ่นดินกระนั้นหรือ จะให้พวกเขาละเลยไม่ใส่ใจต่อท่านและสิ่งเคารพสักการะของท่านกระนั้นหรือ ?"

ฟิรเอาน์จึงประกาศอย่างโอหังว่า "เราจะฆ่าบรรดาลูกชายของพวกเขา และจะไว้ชีวิตบรรดาหญิงของพวกเขา แท้จริงเราเป็นผู้มีกำลังอำนาจเหนือพวกเขา"

มูซาได้กล่าวแก่พวกพ้องของท่านว่า "จงขอความช่วยเหลือต่ออัลลอฮ์เถิด และจงอดทนด้วย แท้จริงแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ ซึ่งพระองค์จะทรงให้มันสืบทอดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ จากปวงบ่าวของพระองค์ และบั้นปลายนั้นย่อมเป็นของผู้ยำเกรงทั้งหลาย"

หมู่ชนบนีอิสรออีล ตอบท่านนบีมูซา(ด้วยความสิ้นหวัง)ว่า "พวกเราได้รับการทารุณทั้งก่อนที่ท่านจะมายังพวกเรา และหลังจากที่ท่านได้มายังเราแล้ว (หมายถึงตั้งแต่ท่านเกิดจนกระทั่งท่านโตเป็นผู้นำเรา)"

ท่านนบีมูซาจึงตอบว่า "หวังว่าพระเจ้าของพวกท่านจะทรงทำลายศัตรูของพวกท่าและจะทรงให้พวกท่าสืบช่วงแทนในแผ่นดิน แล้วพระองค์จะทรงดูว่าพวกท่านจะทำอย่างไร?"

ไม่น่าเชื่อว่าภาพเหตุการณ์การถล่มฉนวนกาซ่าของยิวไซออนิสต์ ณ วินาทีนี้ จะสะท้อนภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในอดีตสมัยท่านนบีมูซา อะลัยฮิสลาม กับฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) แทบจะไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่เปลี่ยนตัวละครเล็กน้อย จากเดิมที่ยิวเคยเป็นพระเอก ให้จับเอาพระเอกมารับบทผู้ร้ายแทน

ในที่สุด อัลลอฮฺก็ได้ช่วยให้วงศ์วานอิสรออีลรอดพ้นจากฟิรเอาน์

وَلَقَدْ أَخَذْنَا آلَ فِرْعَونَ بِالسِّنِينَ وَنَقْصٍ مِّن الثَّمَرَاتِ لَعَلَّهُمْ يَذَّكَّرُونَ (130)
"และแน่นอนเราได้ลงโทษวงศ์วานของฟิรอาวน์ด้วยความแห้งแล้ง และขาดแคลนผลไม้ต่างๆ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึก"

เราท่านทั้งหลาย ได้รับบทเรียนอะไรบ้างจากภาพสะท้อนนี้ ??