พี่น้องผู้ศรัทธาที่อัลลอฮ์รักและเมตตาทุกท่าน
อัลหัมดุลิลลาฮ์ ในฐานะผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
สุบหานะฮูวะตะอาลา เราทุกคนเชื่อมั่นในความศรัทธา ความจำเป็นที่เราจะต้องศรัทธาด้วยรุก่นอีมาน/หลักการศรัทธาทั้งหกประการ
ที่มะลาอิกะฮ์ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ได้มาสอนบรรดาเศาะหาบะฮ์ด้วยรูปแบบของการซักถามท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในหะดีษที่รายงานโดยท่านอุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ
ญิบรีลได้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า
مَا الإِيْمَانُ؟ قالَ: «أَنْ تُؤْمِنَ بِاللهِ وَمَلَائِكَتِهِ
وَرُسُلِهِ وَكُتُبِهِ والْيَوْمِ الآخِرِ والْقَدَرِ خَيْرِهِ وَشَرِّهِ» [صحيح
ابن ماجه للألباني 53]
ความว่า
อะไรคืออีมาน? ท่านนบี e
ตอบว่า “คือการที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ต่อมะลาอิกะฮ์ของพระองค์ ต่อบรรดารอซูลของพระองค์
ต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ ต่อวันอาคิเราะฮ์ ต่อการกำหนดกฎสภาวะทั้งที่ดีและร้าย”
(เศาะฮีห์ อิบนิ มาญะฮ์ ของอัล-อัลบานีย์ 53)
รุก่นอีมานทั้งหกข้อที่เราทุกคนจำเป็นจะต้องทราบ
และหนึ่งในจำนวนหกประการนี้ก็คือ การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์
อาคิเราะฮ์
คืออะไร? สำคัญอย่างไร? มีอิทธิพลต่อชีวิตของเราอย่างไร? นี่คือประเด็นที่สำคัญมากๆ
ในฐานะมุสลิมผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา
พี่น้องครับ
ด้วยภาวะในโลกยุคปัจจุบัน
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เราเห็นสภาพของคนส่วนใหญ่จริงจังและทุ่มเทพยายามมากมายเหลือเกินที่จะพิชิตความเจริญของโลกยุคใหม่
เราอ้างว่าโลกยุคนี้คือโลกยุคใหม่ ยุคเทคโนโลยี ยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู ยุคเสรีภาพทางวัฒนธรรม
เสรีภาพทางความบันเทิง เสรีภาพในทุกๆ เรื่อง ยุคที่ทุกคนมีสิทธิจะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากมี อยากใช้
อยากปลดปล่อย อยากจะเสพ สารพัดข้อกล่าวอ้าง ซึ่งเราเห็นได้จริง และไม่ได้อยู่ไกลจากความเป็นจริงที่เราสามารถจะสังเกตได้เลย
เป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้ เป็นโลกที่เราอาจจะสรุปได้ว่าสั้นๆ ว่าเป็นโลกแห่งวัตถุนิยม
ต้องการที่จะบำเรอความสุขในโลกดุนยานี้ อะไรก็ตามที่เป็นความสุขในดุนยานี้เราต้องการที่จะได้มันมาให้หมด
สุบหานัลลอฮ์ เป้าหมายสุดท้ายของใครหลายๆ คนมีอยู่แค่นี้
มีอยู่แค่ดุนยานี้ อะไรก็ตามที่เป็นความสุขในดุนยาเราพยายามแสวงหาโดยลืมข้อเท็จจริงไปว่า
จริงๆ แล้วชีวิตของเราไม่ได้มีแค่วัตถุ ถ้าหากชีวิตเรามีแค่วัตถุนั่นก็แสดงว่าเรามีแค่อวัยวะภายนอก
ซึ่งในความเป็นจริงเรามีองค์ประกอบมากกว่านั้น เรามีเรื่องภายในที่เรามองไม่เห็นด้วย
มันมีเรื่องของจิตวิญญาณ อารมณ์ และความรู้สึก
ดังนั้นชีวิตของเราไม่ได้มีอยู่เพียงแค่การกิน การนอนและขับถ่ายเท่านั้น ถ้าชีวิตของเรามีเป้าหมายอยู่แค่นี้แล้วจะต่างอะไรจากสัตว์ทั้งปวงทั้งหลายที่เราเห็น
พี่น้องครับ
เราต้องการที่จะสะกิดให้ทุกคนเข้าใจว่า เบื้องหลังของชีวิตแบบวัตถุนิยม
ยังมีสิ่งที่เรามองไม่เห็น สิ่งที่มองไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี ไม่เห็นแต่เราก็รู้สึกได้ว่ามันมีอยู่จริง
สิ่งที่เราไม่เห็นเราไม่ได้สัมผัสจึงอาจจะทำให้เราหลงลืมและไม่ให้ความสำคัญ
ไม่เรียนรู้ หรือบางทีถึงขั้นปฏิเสธสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้
สิ่งที่เรามองไม่เห็นเหล่านี้คือ อาคิเราะฮ์ พอเราไม่เห็นอาคิเราะฮ์เราก็ปฏิเสธว่ามันไม่มี
เมื่อไม่เห็นอาคิเราะฮ์เราจึงไม่ได้ทำอะไรเพื่ออาคิเราะฮ์ เมื่อไม่เห็นเราจึงไม่พยายามเรียนรู้ ไม่เตรียมตัวและไม่แสวงหาการกลับไปสู่อาคิเราะฮ์
อาคิเราะฮ์มีอยู่จริง เป็นสิ่งที่อัลลอฮ์สัญญาว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
﴿وَعۡدَ ٱللَّهِۖ لَا يُخۡلِفُ ٱللَّهُ وَعۡدَهُۥ
وَلَٰكِنَّ أَكۡثَرَ ٱلنَّاسِ لَا يَعۡلَمُونَ 6 يَعۡلَمُونَ ظَٰهِرٗا مِّنَ ٱلۡحَيَوٰةِ
ٱلدُّنۡيَا وَهُمۡ عَنِ ٱلۡأٓخِرَةِ هُمۡ غَٰفِلُونَ 7﴾ [الروم: 6،
7]
ความว่า
“นั่นคือสัญญาของอัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะไม่ทรงบิดพลิ้วในสัญญาของพระองค์
แต่มนุษย์ส่วนใหญ่นั้นไม่รู้ พวกเขารู้เรื่องผิวเผินของชีวิตในโลกดุนยา
แต่พวกเขากลับหลงลืมต่อเรื่องราวของอาคิเราะฮ์” (อัร-รูม 6-7)
สัญญาของอัลลอฮ์ว่าอาคิเราะฮ์นั้นมีจริง
สวรรค์มีจริง นรกมีจริง นี่คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเจอ
มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้และหลงลืมเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในอาคิเราะฮ์ พวกเขารู้แต่เรื่องดุนยา
จะกินอย่างไร จะหาเงินอย่างไร จะเสพสุขอย่างไร ฯลฯ
นี่คือสิ่งที่สาละวนอยู่ในแต่ละวันของชีวิต ในขณะที่เมื่อพูดถึงอาคิเราะฮ์ก็จะไม่รู้เรื่องใดๆ
เลย วัลอิยาซุบิลลาฮ์มินซาลิก
มีหะดีษที่เล่าจากท่านอบู
ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«إِنَّ اللهَ تَعَالَى يُبْغِضُ كُلَّ عَاْلِمٍ
بِالدُّنْيَا، جَاهِلٍ بِالْآخِرَةِ» [صحيح الجامع للألباني 1879]
ความว่า
“แท้จริงแล้ว อัลลอฮ์โกรธเคืองทุกคนที่รู้เรื่องดุนยา แต่ไม่รู้เรื่องใดๆ เลยเกี่ยวกับอาคิเราะฮ์” (เศาะฮีห์ อัล-ญามิอฺ ของอัล-อัลบานีย์
1879)
บางทีเราอาจจะเห็นว่าคนบางคนปฏิเสธอาคิเราะฮ์
– ขออย่าให้มีเรื่องเหล่านี้ในลูกหลานมุสลิมเลย – บางคนออกมาพูดว่าการศรัทธาต่ออาคิเราะฮ์ทำให้ตัวเองมีความทุกข์
คนที่ไม่สนใจอาคิเราะฮ์แล้วอ้างว่าศรัทธาต่ออาคิเราะฮ์แล้วมีความทุกข์
แน่นอนว่าหัวใจของคนเหล่านี้แสวงหาแต่วัตถุนิยมจนเป็นเรื่องปกติ ใครที่ยึดติดอยู่กับดุนยาเขาย่อมไม่อยากที่จะพูดถึงอาคิเราะฮ์อยู่แล้ว
เพราะตัณหาอารมณ์และชัยฏอนที่ทำให้เขายึดติดอยู่กับดุนยาเมื่อพูดถึงอาคิเราะฮ์แล้วจะไม่สนุกในการทำมะอฺศิยะฮ์ เนื่องจากตัวเองอยู่ในการทำบาป ใครก็ตามที่ยุ่งอยู่กับการทำบาปเวลาที่นึกถึงอาคิเราะฮ์พวกเขาจะมีความสุขได้อย่างไร
แน่นอนพวกเขาต้องรู้สึกทุกข์ทันที ดังนั้นจึงพยายามปัดความเชื่อเกี่ยวกับอาคิเราะฮ์ออกไป
ไม่อยากจะพูดถึงอาคิเราะฮ์ และขอมีความสุขตามความปรารถนาในโลกดุนยานี้อย่างเดียว
อัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสถึงคนเหล่านี้เอาไว้ว่า
﴿بَلۡ يُرِيدُ ٱلۡإِنسَٰنُ لِيَفۡجُرَ أَمَامَهُۥ
5 يَسَۡٔلُ أَيَّانَ يَوۡمُ ٱلۡقِيَٰمَةِ 6﴾ [القيامة: 5،
6]
ความว่า
“ทว่ามนุษย์นั้นต้องการที่จะก่อกรรมทำเข็ญต่อไปไม่หยุด เขาถาม(อย่างเยาะเย้ยและปฏิเสธ)ว่าไหนเล่าวัน
กิยามะฮ์” (อัล-กิยามะฮ์ 5-6)
นี่คือสภาพของคนที่มีความทุกข์เวลาที่นึกถึงอาคิเราะฮ์
เพราะเขาหมกมุ่นอยู่แต่กับความสุขที่จะทำบาปไม่หยุดหย่อน
พี่น้องครับ
ไม่เหมือนกับผู้ศรัทธา
สภาพของพวกเขาแตกต่างโดยสิ้นเชิง ผู้ที่ศรัทธาอย่างแท้จริงต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา
เมื่อพูดถึงอาคิเราะฮ์หัวใจของพวกเขาจะรู้สึกฟูฟ่องพองโต
การพูดถึงอาคิเราะฮ์สำหรับผู้ศรัทธาไม่ได้สร้างความทุกข์
แต่การนึกถึงอาคิเราะฮ์สำหรับพวกเขาเป็นการสร้างสมดุลให้กับหัวใจ ให้พวกเขาสามารถชั่งระหว่างสิ่งที่เป็นวัตถุนิยมและจิตวิญญาณที่เป็นแก่นสำคัญของชีวิต
ช่วยให้พวกเขาพิจารณาระหว่างอะไรที่เป็นเสียงเรียกร้องของอารมณ์และตัณหาหรือการกระซิบกระซาบของชัยฏอน
กับสิ่งที่เป็นเสียกเรียกร้องของจิตวิญญาณที่เป็นสาระสำคัญของชีวิตมนุษย์
สำหรับผู้ศรัทธา
เวลาที่คิดถึงอาคิเราะฮ์จะทำให้เขาสามารถปลดตัวเองจากการเป็นทาสวัตถุนิยมและการใช้ชีวิตที่ไม่ต่างไปจากสัตว์ การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์จะทำให้เราเห็นว่าชีวิตของเรามาจากไหนและกำลังจะไปไหน เราสามารถปรับสมดุลการดำรงชีวิตของเราให้มันดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น การศรัทธาต่ออาคิเราะฮ์เป็นแสงสว่างที่ส่องให้เห็นว่าจริงๆ แล้วหัวใจของมนุษย์ต้องการอะไร
นี่คือความเป็นจริงของชีวิตที่เราทุกคนจะต้องเจอ
เมื่อมนุษย์ยึดติดอยู่กับดุนยา การพูดถึงอาคิเราะฮ์ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าพิศมัยสำหรับเขา สร้างความเจ็บปวดและไม่อยากจะรับฟังให้ทุกข์ทรมานใจแม้กระทั่งในขณะที่มีชีวิตอยู่ และเมื่อถึงวันอาคิเราะฮ์แล้ว อัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวถึงคนที่ยึดติดและพอใจอยู่กับดุนยาว่าพวกเขาจะต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัสอย่างแน่นอน
﴿ إِنَّ ٱلَّذِينَ لَا يَرۡجُونَ لِقَآءَنَا
وَرَضُواْ بِٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَٱطۡمَأَنُّواْ بِهَا وَٱلَّذِينَ هُمۡ عَنۡ ءَايَٰتِنَا
غَٰفِلُونَ 7 أُوْلَٰٓئِكَ مَأۡوَىٰهُمُ ٱلنَّارُ بِمَا كَانُواْ يَكۡسِبُونَ 8 ﴾ [يونس: 7، 8]
ความว่า “แท้จริงแล้ว บรรดาคนที่ไม่ได้หวังจะพบกับเราในอาคิเราะฮ์ พอใจกับชีวิตในดุนยา
ยึดติดเหนียวแน่นกับมัน และหลงลืมโองการและสัญญานต่างๆ ของเรา คนเหล่านั้นบั้นปลายสุดท้ายของพวกเขาคือไฟนรก
เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่พวกเขาเคยขวนขวายมันมา” (ยูนุส 7-8)
แต่สำหรับคนที่มีอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา การพูดถึงอาคิเราะฮ์ทำให้พวกเขามีกำลังใจ
คนเหล่านี้มีความปรารถนาจะกลับไปเจอกับพระองค์
﴿ٱلَّذِينَ يَظُنُّونَ أَنَّهُم مُّلَٰقُواْ رَبِّهِمۡ
وَأَنَّهُمۡ إِلَيۡهِ رَٰجِعُونَ 46﴾
[البقرة: 46]
ความว่า “คือบรรดาคนที่มั่นใจว่าพวกเขาจะต้องเจอกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา
และพวกเขาจะต้องกลับไปหาพระองค์” (อัล-บะเกาะเราะฮ์ 46)
คนที่ยึดติดกับดุนยาไม่อยากกลับไปยังอาคิเราะฮ์
แต่สำหรับผู้ศรัทธาเมื่อพูดถึงอาคิเราะฮ์ก็จะมีความปรารถนาอยากกลับไปเจออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา
﴿أُوْلَٰٓئِكَ ٱلَّذِينَ يَدۡعُونَ يَبۡتَغُونَ
إِلَىٰ رَبِّهِمُ ٱلۡوَسِيلَةَ أَيُّهُمۡ أَقۡرَبُ وَيَرۡجُونَ رَحۡمَتَهُۥ وَيَخَافُونَ
عَذَابَهُۥٓۚ﴾ [الإسراء: 57]
ความว่า
“คนเหล่านั้นคือผู้ที่พร่ำวิงวอนขอ ทุ่มเทแสวงหาปัจจัยกลับไปสู่พระผู้อภิบาลของพวกเขา
เพื่อจะได้รู้ว่าใครที่จะได้ใกล้ชิดกับพระองค์มากที่สุด พวกเขาหวังในความเมตตาของพระองค์
และเกรงกลัวต่อการลงโทษของพระองค์” (อัล-อิสรออ์ 57)
ดังนั้น อย่ารู้แต่ดุนยาแต่กลับญาฮิลไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอาคิเราะฮ์
ต้องเข้าใจว่าชีวิตของเราไม่ได้มีแค่วัตถุ แต่ยังมีจิตวิญญาณ และการเดินทางของจิตวิญญาณไม่ได้สิ้นสุดแค่การตายจากโลกดุนยานี้ไปเท่านั้น
ร่างกายของเราที่เป็นวัตถุอาจจะหมดอายุก็จริงแต่จิตวิญญาณของเราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป
ที่พำนักของมันในวันอาคิเราะฮ์อาจจะเป็นสวรรค์ (ขอให้เราเป็นหนึ่งในชาวสวรรค์)
หรือไม่ก็เป็นไฟนรก (ขอให้เราปลอดภัยจากมันด้วยเถิด อามีน)
พี่น้องครับ
ที่เราพูดเรื่องนี้ เนื่องจากมีความเป็นห่วงจากกระแสสังคมทุกวันนี้
รอบตัวเรามีการพูดคุยถึงความเจริญ ความเปลี่ยนแปลง พอเราสืบเข้าไปจริงๆ กลับไม่มีสิ่งที่จะกระตุ้นทำให้จิตวิญญาณของเรามุ่งหาอัลลอฮ์
สุบหานะฮูวะตะอาลา เลย ไม่ผิดที่เราจะพูดถึงความเจริญและความเปลี่ยนแปลง
หรือการที่เราอยากจะได้สิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ชีวิตของเราดุนยาดีขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกนี้ไม่ได้ผิดเลย
แต่เรากลัวว่าการที่เราพูดแต่เรื่องพวกนี้จะทำลายรากฐานการศรัทธาข้อที่เกี่ยวข้องกับการศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์
จำเป็นที่เราจะต้องเรียนรู้เรื่องอาคิเราะฮ์ เพื่อให้เราได้เตรียมตัวว่าจะกลับไปพบกับอัลลอฮ์อย่างไร
และมีความรักที่จะกลับไปเจอกับพระองค์ด้วย ไม่ใช่ยึดติดกับดุนยาสุดท้ายพอตายไปไม่มีอะไรเหลือเป็นเสบียงสำหรับการกลับไปหาพระองค์เลย
อัลลอฮ์ตรัสว่า
﴿فَمَن كَانَ يَرۡجُواْ لِقَآءَ رَبِّهِۦ فَلۡيَعۡمَلۡ
عَمَلٗا صَٰلِحٗا وَلَا يُشۡرِكۡ بِعِبَادَةِ رَبِّهِۦٓ أَحَدَۢا 110﴾ [الكهف: 110]
ความว่า “ผู้ใดก็ตามที่หวังจะได้พบกับพระผู้อภิบาลของเขา ก็จงทำความดี
และอย่าได้ตั้งภาคีใดๆ ในการอิบาดะฮ์ต่อพระองค์” (อัล-หะฮ์ฟฺ 110)
การที่เราหวังจะได้เจอกับอัลลอฮ์ในวันอาคิเราะฮ์จะกระตุ้นให้เราทำความดี
ไม่ใช่อยู่เฉยๆ และคอยกำชับเตือนไม่ให้เราทำความผิดต่อพระองค์
ในหะดีษที่รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ได้กล่าวว่า
«مَنْ أحَبَّ لِقَاءَ اللهِ
أَحَبَّ اللهُ لِقَاءهُ، وَمَنْ كَرِهَ لِقَاءَ اللهِ كَرِهَ اللهُ لِقَاءهُ» فقلتُ:
يا نَبِيَّ اللهِ، أكَراهِيَةُ المَوتِ، فَكُلُّنَا نَكْرَهُ المَوتَ؟ قال: «لَيْسَ
كَذَلِكَ، ولكِنَّ المُؤْمِنَ إذَا بُشِّرَ بِرَحْمَةِ اللهِ وَرِضْوَانِهِ
وَجَنَّتِهِ أَحَبَّ لِقَاءَ اللهِ فَأَحَبَّ اللهُ لِقَاءهُ، وإنَّ الكَافِرَ
إذَا بُشِّرَ بِعَذابِ اللهِ وَسَخَطهِ كَرِهَ لِقَاءَ اللهِ وكَرِهَ اللهُ لِقَاءهُ»
[مسلم 2684]
ความว่า “ใครก็ตามที่ปรารถนาอยากจะเจอกับอัลลอฮ์
พระองค์ก็ปรารถนาที่จะเจอกับเขา ใครที่เกลียดไม่อยากเจอกับอัลลอฮ์ พระองค์ก็รังเกียจที่จะเจอกับเขา”
ท่านหญิงก็ถามว่า ไม่อยากเจอกับอัลลอฮ์หมายถึงการที่เราไม่อยากตายใช่หรือไม่
เพราะเราทุกคนไม่มีใครอยากตาย? ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ตอบว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น
แต่ความหมายก็คือ ผู้ศรัทธานั้นเวลาที่ได้ฟังข่าวดีเกี่ยวกับความเมตตาของอัลลอฮ์
ความโปรดปรานและสวรรค์ของพระองค์ เขาก็ปรารถนาที่จะเจอกับอัลลอฮ์ ดังนั้นพระองค์ก็ปรารถนาที่จะเจอกับเขา
และแท้จริง คนที่ปฏิเสธศรัทธานั้นเวลาที่ได้ฟังเรื่องราวการลงโทษของอัลลอฮ์และความพิโรธของพระองค์
เขาก็ไม่มีความปรารถนาอยากจะเจอกับอัลลอฮ์ ดังนั้นพระองค์ก็ไม่อยากจะเจอกับเขา”
(บันทึกโดยมุสลิม 2684)
ถ้าเราอยากจะกลับไปสู่สวรรค์และกลับไปสู่อัลลอฮ์
พระองค์ก็รอที่จะเจอกับเรา ส่วนผู้ปฏิเสธที่ไม่อยากจะเจออัลลอฮ์ พระองค์ก็ไม่ชอบที่จะเจอกับเขาเช่นกัน
อย่ารู้จักแต่ดุนยาเพราะมันจะทำให้เราห่างไกลอาคิเราะฮ์ จงเรียนรู้เรื่องอาคิเราะฮ์ว่ามีอะไรและต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อที่เราจะได้กลับไปหาอัลลอฮ์ในสภาพผู้ศรัทธาที่ปรารถนาจะเจออัลลอฮ์
และพระองค์ก็รอที่จะเจอเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
- สงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นใดๆ ก็ตามที่พิจารณาว่าไม่เหมาะควร -
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น