วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2566

คุฏบะฮ์ - รู้แต่ดุนยา ไม่รู้อาคิเราะฮ์ - ซุฟอัม อุษมาน




ฟังคุฏบะฮ์นี้ได้จาก YouTube

หรือบน SoundCloud

พี่น้องผู้ศรัทธาที่อัลลอฮ์รักและเมตตาทุกท่าน

อัลหัมดุลิลลาฮ์ ในฐานะผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา เราทุกคนเชื่อมั่นในความศรัทธา ความจำเป็นที่เราจะต้องศรัทธาด้วยรุก่นอีมาน/หลักการศรัทธาทั้งหกประการ ที่มะลาอิกะฮ์ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ได้มาสอนบรรดาเศาะหาบะฮ์ด้วยรูปแบบของการซักถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในหะดีษที่รายงานโดยท่านอุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ญิบรีลได้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า  

مَا الإِيْمَانُ؟ قالَ: «أَنْ تُؤْمِنَ بِاللهِ وَمَلَائِكَتِهِ وَرُسُلِهِ وَكُتُبِهِ والْيَوْمِ الآخِرِ والْقَدَرِ خَيْرِهِ وَشَرِّهِ» [صحيح ابن ماجه للألباني 53]

ความว่า อะไรคืออีมาน? ท่านนบี e ตอบว่า “คือการที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ต่อมะลาอิกะฮ์ของพระองค์ ต่อบรรดารอซูลของพระองค์ ต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ ต่อวันอาคิเราะฮ์ ต่อการกำหนดกฎสภาวะทั้งที่ดีและร้าย” (เศาะฮีห์ อิบนิ มาญะฮ์ ของอัล-อัลบานีย์ 53)

รุก่นอีมานทั้งหกข้อที่เราทุกคนจำเป็นจะต้องทราบ และหนึ่งในจำนวนหกประการนี้ก็คือ การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์

อาคิเราะฮ์ คืออะไร? สำคัญอย่างไร? มีอิทธิพลต่อชีวิตของเราอย่างไร? นี่คือประเด็นที่สำคัญมากๆ ในฐานะมุสลิมผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา   

 

พี่น้องครับ

ด้วยภาวะในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เราเห็นสภาพของคนส่วนใหญ่จริงจังและทุ่มเทพยายามมากมายเหลือเกินที่จะพิชิตความเจริญของโลกยุคใหม่ เราอ้างว่าโลกยุคนี้คือโลกยุคใหม่ ยุคเทคโนโลยี ยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู ยุคเสรีภาพทางวัฒนธรรม เสรีภาพทางความบันเทิง เสรีภาพในทุกๆ เรื่อง ยุคที่ทุกคนมีสิทธิจะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากมี อยากใช้ อยากปลดปล่อย อยากจะเสพ สารพัดข้อกล่าวอ้าง ซึ่งเราเห็นได้จริง และไม่ได้อยู่ไกลจากความเป็นจริงที่เราสามารถจะสังเกตได้เลย เป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้ เป็นโลกที่เราอาจจะสรุปได้ว่าสั้นๆ ว่าเป็นโลกแห่งวัตถุนิยม ต้องการที่จะบำเรอความสุขในโลกดุนยานี้ อะไรก็ตามที่เป็นความสุขในดุนยานี้เราต้องการที่จะได้มันมาให้หมด

สุบหานัลลอฮ์ เป้าหมายสุดท้ายของใครหลายๆ คนมีอยู่แค่นี้ มีอยู่แค่ดุนยานี้ อะไรก็ตามที่เป็นความสุขในดุนยาเราพยายามแสวงหาโดยลืมข้อเท็จจริงไปว่า จริงๆ แล้วชีวิตของเราไม่ได้มีแค่วัตถุ ถ้าหากชีวิตเรามีแค่วัตถุนั่นก็แสดงว่าเรามีแค่อวัยวะภายนอก ซึ่งในความเป็นจริงเรามีองค์ประกอบมากกว่านั้น เรามีเรื่องภายในที่เรามองไม่เห็นด้วย มันมีเรื่องของจิตวิญญาณ อารมณ์ และความรู้สึก ดังนั้นชีวิตของเราไม่ได้มีอยู่เพียงแค่การกิน การนอนและขับถ่ายเท่านั้น ถ้าชีวิตของเรามีเป้าหมายอยู่แค่นี้แล้วจะต่างอะไรจากสัตว์ทั้งปวงทั้งหลายที่เราเห็น

 

พี่น้องครับ

เราต้องการที่จะสะกิดให้ทุกคนเข้าใจว่า เบื้องหลังของชีวิตแบบวัตถุนิยม ยังมีสิ่งที่เรามองไม่เห็น สิ่งที่มองไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี ไม่เห็นแต่เราก็รู้สึกได้ว่ามันมีอยู่จริง สิ่งที่เราไม่เห็นเราไม่ได้สัมผัสจึงอาจจะทำให้เราหลงลืมและไม่ให้ความสำคัญ ไม่เรียนรู้ หรือบางทีถึงขั้นปฏิเสธสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้

สิ่งที่เรามองไม่เห็นเหล่านี้คือ อาคิเราะฮ์ พอเราไม่เห็นอาคิเราะฮ์เราก็ปฏิเสธว่ามันไม่มี เมื่อไม่เห็นอาคิเราะฮ์เราจึงไม่ได้ทำอะไรเพื่ออาคิเราะฮ์ เมื่อไม่เห็นเราจึงไม่พยายามเรียนรู้ ไม่เตรียมตัวและไม่แสวงหาการกลับไปสู่อาคิเราะฮ์

อาคิเราะฮ์มีอยู่จริง เป็นสิ่งที่อัลลอฮ์สัญญาว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

﴿وَعۡدَ ٱللَّهِۖ لَا يُخۡلِفُ ٱللَّهُ وَعۡدَهُۥ وَلَٰكِنَّ أَكۡثَرَ ٱلنَّاسِ لَا يَعۡلَمُونَ 6 يَعۡلَمُونَ ظَٰهِرٗا مِّنَ ٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَهُمۡ عَنِ ٱلۡأٓخِرَةِ هُمۡ غَٰفِلُونَ 7﴾ [الروم: 6،  7] 

ความว่า “นั่นคือสัญญาของอัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะไม่ทรงบิดพลิ้วในสัญญาของพระองค์ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่นั้นไม่รู้ พวกเขารู้เรื่องผิวเผินของชีวิตในโลกดุนยา แต่พวกเขากลับหลงลืมต่อเรื่องราวของอาคิเราะฮ์” (อัร-รูม 6-7)

สัญญาของอัลลอฮ์ว่าอาคิเราะฮ์นั้นมีจริง สวรรค์มีจริง นรกมีจริง นี่คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเจอ มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้และหลงลืมเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในอาคิเราะฮ์ พวกเขารู้แต่เรื่องดุนยา จะกินอย่างไร จะหาเงินอย่างไร จะเสพสุขอย่างไร ฯลฯ นี่คือสิ่งที่สาละวนอยู่ในแต่ละวันของชีวิต ในขณะที่เมื่อพูดถึงอาคิเราะฮ์ก็จะไม่รู้เรื่องใดๆ เลย วัลอิยาซุบิลลาฮ์มินซาลิก

มีหะดีษที่เล่าจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«إِنَّ اللهَ تَعَالَى يُبْغِضُ كُلَّ عَاْلِمٍ بِالدُّنْيَا، جَاهِلٍ بِالْآخِرَةِ» [صحيح الجامع للألباني 1879]

ความว่า “แท้จริงแล้ว อัลลอฮ์โกรธเคืองทุกคนที่รู้เรื่องดุนยา แต่ไม่รู้เรื่องใดๆ เลยเกี่ยวกับอาคิเราะฮ์” (เศาะฮีห์ อัล-ญามิอฺ ของอัล-อัลบานีย์ 1879)

บางทีเราอาจจะเห็นว่าคนบางคนปฏิเสธอาคิเราะฮ์ – ขออย่าให้มีเรื่องเหล่านี้ในลูกหลานมุสลิมเลย – บางคนออกมาพูดว่าการศรัทธาต่ออาคิเราะฮ์ทำให้ตัวเองมีความทุกข์ คนที่ไม่สนใจอาคิเราะฮ์แล้วอ้างว่าศรัทธาต่ออาคิเราะฮ์แล้วมีความทุกข์ แน่นอนว่าหัวใจของคนเหล่านี้แสวงหาแต่วัตถุนิยมจนเป็นเรื่องปกติ ใครที่ยึดติดอยู่กับดุนยาเขาย่อมไม่อยากที่จะพูดถึงอาคิเราะฮ์อยู่แล้ว เพราะตัณหาอารมณ์และชัยฏอนที่ทำให้เขายึดติดอยู่กับดุนยาเมื่อพูดถึงอาคิเราะฮ์แล้วจะไม่สนุกในการทำมะอฺศิยะฮ์ เนื่องจากตัวเองอยู่ในการทำบาป ใครก็ตามที่ยุ่งอยู่กับการทำบาปเวลาที่นึกถึงอาคิเราะฮ์พวกเขาจะมีความสุขได้อย่างไร แน่นอนพวกเขาต้องรู้สึกทุกข์ทันที ดังนั้นจึงพยายามปัดความเชื่อเกี่ยวกับอาคิเราะฮ์ออกไป ไม่อยากจะพูดถึงอาคิเราะฮ์ และขอมีความสุขตามความปรารถนาในโลกดุนยานี้อย่างเดียว อัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา  ได้ตรัสถึงคนเหล่านี้เอาไว้ว่า

﴿بَلۡ يُرِيدُ ٱلۡإِنسَٰنُ لِيَفۡجُرَ أَمَامَهُۥ 5 يَسۡ‍َٔلُ أَيَّانَ يَوۡمُ ٱلۡقِيَٰمَةِ 6﴾ [القيامة: 5،  6] 

ความว่า “ทว่ามนุษย์นั้นต้องการที่จะก่อกรรมทำเข็ญต่อไปไม่หยุด เขาถาม(อย่างเยาะเย้ยและปฏิเสธ)ว่าไหนเล่าวัน
กิยามะฮ์” (อัล-กิยามะฮ์
5-6)

นี่คือสภาพของคนที่มีความทุกข์เวลาที่นึกถึงอาคิเราะฮ์ เพราะเขาหมกมุ่นอยู่แต่กับความสุขที่จะทำบาปไม่หยุดหย่อน

 

พี่น้องครับ

ไม่เหมือนกับผู้ศรัทธา สภาพของพวกเขาแตกต่างโดยสิ้นเชิง ผู้ที่ศรัทธาอย่างแท้จริงต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา  เมื่อพูดถึงอาคิเราะฮ์หัวใจของพวกเขาจะรู้สึกฟูฟ่องพองโต การพูดถึงอาคิเราะฮ์สำหรับผู้ศรัทธาไม่ได้สร้างความทุกข์ แต่การนึกถึงอาคิเราะฮ์สำหรับพวกเขาเป็นการสร้างสมดุลให้กับหัวใจ ให้พวกเขาสามารถชั่งระหว่างสิ่งที่เป็นวัตถุนิยมและจิตวิญญาณที่เป็นแก่นสำคัญของชีวิต ช่วยให้พวกเขาพิจารณาระหว่างอะไรที่เป็นเสียงเรียกร้องของอารมณ์และตัณหาหรือการกระซิบกระซาบของชัยฏอน กับสิ่งที่เป็นเสียกเรียกร้องของจิตวิญญาณที่เป็นสาระสำคัญของชีวิตมนุษย์

สำหรับผู้ศรัทธา เวลาที่คิดถึงอาคิเราะฮ์จะทำให้เขาสามารถปลดตัวเองจากการเป็นทาสวัตถุนิยมและการใช้ชีวิตที่ไม่ต่างไปจากสัตว์ การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์จะทำให้เราเห็นว่าชีวิตของเรามาจากไหนและกำลังจะไปไหน เราสามารถปรับสมดุลการดำรงชีวิตของเราให้มันดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น การศรัทธาต่ออาคิเราะฮ์เป็นแสงสว่างที่ส่องให้เห็นว่าจริงๆ แล้วหัวใจของมนุษย์ต้องการอะไร นี่คือความเป็นจริงของชีวิตที่เราทุกคนจะต้องเจอ

เมื่อมนุษย์ยึดติดอยู่กับดุนยา การพูดถึงอาคิเราะฮ์ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าพิศมัยสำหรับเขา สร้างความเจ็บปวดและไม่อยากจะรับฟังให้ทุกข์ทรมานใจแม้กระทั่งในขณะที่มีชีวิตอยู่ และเมื่อถึงวันอาคิเราะฮ์แล้ว อัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวถึงคนที่ยึดติดและพอใจอยู่กับดุนยาว่าพวกเขาจะต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัสอย่างแน่นอน

﴿ إِنَّ ٱلَّذِينَ لَا يَرۡجُونَ لِقَآءَنَا وَرَضُواْ بِٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَٱطۡمَأَنُّواْ بِهَا وَٱلَّذِينَ هُمۡ عَنۡ ءَايَٰتِنَا غَٰفِلُونَ 7 أُوْلَٰٓئِكَ مَأۡوَىٰهُمُ ٱلنَّارُ بِمَا كَانُواْ يَكۡسِبُونَ 8 ﴾ [يونس: 7،  8] 

ความว่า “แท้จริงแล้ว บรรดาคนที่ไม่ได้หวังจะพบกับเราในอาคิเราะฮ์ พอใจกับชีวิตในดุนยา ยึดติดเหนียวแน่นกับมัน และหลงลืมโองการและสัญญานต่างๆ ของเรา คนเหล่านั้นบั้นปลายสุดท้ายของพวกเขาคือไฟนรก เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่พวกเขาเคยขวนขวายมันมา” (ยูนุส 7-8)

แต่สำหรับคนที่มีอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา การพูดถึงอาคิเราะฮ์ทำให้พวกเขามีกำลังใจ คนเหล่านี้มีความปรารถนาจะกลับไปเจอกับพระองค์

﴿ٱلَّذِينَ يَظُنُّونَ أَنَّهُم مُّلَٰقُواْ رَبِّهِمۡ وَأَنَّهُمۡ إِلَيۡهِ رَٰجِعُونَ 46﴾ [البقرة: 46] 

ความว่า “คือบรรดาคนที่มั่นใจว่าพวกเขาจะต้องเจอกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาจะต้องกลับไปหาพระองค์” (อัล-บะเกาะเราะฮ์ 46)

คนที่ยึดติดกับดุนยาไม่อยากกลับไปยังอาคิเราะฮ์ แต่สำหรับผู้ศรัทธาเมื่อพูดถึงอาคิเราะฮ์ก็จะมีความปรารถนาอยากกลับไปเจออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา  

﴿أُوْلَٰٓئِكَ ٱلَّذِينَ يَدۡعُونَ يَبۡتَغُونَ إِلَىٰ رَبِّهِمُ ٱلۡوَسِيلَةَ أَيُّهُمۡ أَقۡرَبُ وَيَرۡجُونَ رَحۡمَتَهُۥ وَيَخَافُونَ عَذَابَهُۥٓۚ﴾ [الإسراء: 57]

ความว่า “คนเหล่านั้นคือผู้ที่พร่ำวิงวอนขอ ทุ่มเทแสวงหาปัจจัยกลับไปสู่พระผู้อภิบาลของพวกเขา เพื่อจะได้รู้ว่าใครที่จะได้ใกล้ชิดกับพระองค์มากที่สุด พวกเขาหวังในความเมตตาของพระองค์ และเกรงกลัวต่อการลงโทษของพระองค์” (อัล-อิสรออ์ 57)

ดังนั้น อย่ารู้แต่ดุนยาแต่กลับญาฮิลไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอาคิเราะฮ์ ต้องเข้าใจว่าชีวิตของเราไม่ได้มีแค่วัตถุ แต่ยังมีจิตวิญญาณ และการเดินทางของจิตวิญญาณไม่ได้สิ้นสุดแค่การตายจากโลกดุนยานี้ไปเท่านั้น ร่างกายของเราที่เป็นวัตถุอาจจะหมดอายุก็จริงแต่จิตวิญญาณของเราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป ที่พำนักของมันในวันอาคิเราะฮ์อาจจะเป็นสวรรค์ (ขอให้เราเป็นหนึ่งในชาวสวรรค์) หรือไม่ก็เป็นไฟนรก (ขอให้เราปลอดภัยจากมันด้วยเถิด อามีน)

 

พี่น้องครับ

ที่เราพูดเรื่องนี้ เนื่องจากมีความเป็นห่วงจากกระแสสังคมทุกวันนี้ รอบตัวเรามีการพูดคุยถึงความเจริญ ความเปลี่ยนแปลง พอเราสืบเข้าไปจริงๆ กลับไม่มีสิ่งที่จะกระตุ้นทำให้จิตวิญญาณของเรามุ่งหาอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา เลย ไม่ผิดที่เราจะพูดถึงความเจริญและความเปลี่ยนแปลง หรือการที่เราอยากจะได้สิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ชีวิตของเราดุนยาดีขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกนี้ไม่ได้ผิดเลย แต่เรากลัวว่าการที่เราพูดแต่เรื่องพวกนี้จะทำลายรากฐานการศรัทธาข้อที่เกี่ยวข้องกับการศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์ จำเป็นที่เราจะต้องเรียนรู้เรื่องอาคิเราะฮ์ เพื่อให้เราได้เตรียมตัวว่าจะกลับไปพบกับอัลลอฮ์อย่างไร และมีความรักที่จะกลับไปเจอกับพระองค์ด้วย ไม่ใช่ยึดติดกับดุนยาสุดท้ายพอตายไปไม่มีอะไรเหลือเป็นเสบียงสำหรับการกลับไปหาพระองค์เลย

อัลลอฮ์ตรัสว่า

﴿فَمَن كَانَ يَرۡجُواْ لِقَآءَ رَبِّهِۦ فَلۡيَعۡمَلۡ عَمَلٗا صَٰلِحٗا وَلَا يُشۡرِكۡ بِعِبَادَةِ رَبِّهِۦٓ أَحَدَۢا 110﴾ [الكهف: 110] 

ความว่า “ผู้ใดก็ตามที่หวังจะได้พบกับพระผู้อภิบาลของเขา ก็จงทำความดี และอย่าได้ตั้งภาคีใดๆ ในการอิบาดะฮ์ต่อพระองค์” (อัล-หะฮ์ฟฺ 110)

การที่เราหวังจะได้เจอกับอัลลอฮ์ในวันอาคิเราะฮ์จะกระตุ้นให้เราทำความดี ไม่ใช่อยู่เฉยๆ และคอยกำชับเตือนไม่ให้เราทำความผิดต่อพระองค์

ในหะดีษที่รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«مَنْ أحَبَّ لِقَاءَ اللهِ أَحَبَّ اللهُ لِقَاءهُ، وَمَنْ كَرِهَ لِقَاءَ اللهِ كَرِهَ اللهُ لِقَاءهُ» فقلتُ: يا نَبِيَّ اللهِ، أكَراهِيَةُ المَوتِ، فَكُلُّنَا نَكْرَهُ المَوتَ؟ قال: «لَيْسَ كَذَلِكَ، ولكِنَّ المُؤْمِنَ إذَا بُشِّرَ بِرَحْمَةِ اللهِ وَرِضْوَانِهِ وَجَنَّتِهِ أَحَبَّ لِقَاءَ اللهِ فَأَحَبَّ اللهُ لِقَاءهُ، وإنَّ الكَافِرَ إذَا بُشِّرَ بِعَذابِ اللهِ وَسَخَطهِ كَرِهَ لِقَاءَ اللهِ وكَرِهَ اللهُ لِقَاءهُ» [مسلم 2684]

ความว่า “ใครก็ตามที่ปรารถนาอยากจะเจอกับอัลลอฮ์ พระองค์ก็ปรารถนาที่จะเจอกับเขา ใครที่เกลียดไม่อยากเจอกับอัลลอฮ์ พระองค์ก็รังเกียจที่จะเจอกับเขา” ท่านหญิงก็ถามว่า ไม่อยากเจอกับอัลลอฮ์หมายถึงการที่เราไม่อยากตายใช่หรือไม่ เพราะเราทุกคนไม่มีใครอยากตาย? ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ตอบว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น แต่ความหมายก็คือ ผู้ศรัทธานั้นเวลาที่ได้ฟังข่าวดีเกี่ยวกับความเมตตาของอัลลอฮ์ ความโปรดปรานและสวรรค์ของพระองค์ เขาก็ปรารถนาที่จะเจอกับอัลลอฮ์ ดังนั้นพระองค์ก็ปรารถนาที่จะเจอกับเขา และแท้จริง คนที่ปฏิเสธศรัทธานั้นเวลาที่ได้ฟังเรื่องราวการลงโทษของอัลลอฮ์และความพิโรธของพระองค์ เขาก็ไม่มีความปรารถนาอยากจะเจอกับอัลลอฮ์ ดังนั้นพระองค์ก็ไม่อยากจะเจอกับเขา” (บันทึกโดยมุสลิม 2684)

ถ้าเราอยากจะกลับไปสู่สวรรค์และกลับไปสู่อัลลอฮ์ พระองค์ก็รอที่จะเจอกับเรา ส่วนผู้ปฏิเสธที่ไม่อยากจะเจออัลลอฮ์ พระองค์ก็ไม่ชอบที่จะเจอกับเขาเช่นกัน

อย่ารู้จักแต่ดุนยาเพราะมันจะทำให้เราห่างไกลอาคิเราะฮ์ จงเรียนรู้เรื่องอาคิเราะฮ์ว่ามีอะไรและต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อที่เราจะได้กลับไปหาอัลลอฮ์ในสภาพผู้ศรัทธาที่ปรารถนาจะเจออัลลอฮ์ และพระองค์ก็รอที่จะเจอเรา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

- สงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นใดๆ ก็ตามที่พิจารณาว่าไม่เหมาะควร -

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น