วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566

คุฏบะฮ์ - สายเชือกของอัลลอฮ์ - ซุฟอัม อุษมาน

 

ฟังคุฏบะฮ์นี้ได้จาก YouTube

หรือบน SoundCloud

ชีวิตของเรายังคงอยู่ในการเดินทางของไปสู่อาคิเราะฮ์ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องตระหนักอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะเจอกับสถานการณ์ใด หรืออยู่ในเหตุการณ์ใดก็ตาม ไม่ว่าดุนยาจะมีเรื่องราวต่างๆ เข้ามากี่เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฤดูกาลตามธรรมชาติทั้งร้อนทั้งฝนหรือหนาว หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวทางสังคมตามโอกาสต่างๆ ก็ดี โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร จิปาถะเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราแต่ละวันแตกต่างกันไป แต่ทว่า ข้อเท็จจริงที่ไม่มีวันปฏิเสธได้ก็คือ ทุกวินาทีที่เวลาเดินไป ชีวิตของเรากำลังเดินทางสู่อาคิเราะฮ์อย่างเลี่ยงไม่พ้นแน่นอน

ในหะดีษที่รายงานโดยอบู มาลิก อัล-อัชอะรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«كُلُّ النَّاسِ يَغْدُو فَبايِعٌ نَفْسَهُ فَمُعْتِقُها، أوْ مُوبِقُها» [رواه مسلم: 223] 

ความว่า “มนุษย์ทุกคนนั้นออกเดินทางทุกเช้า เพื่อขายชีวิตตัวเอง บางคนก็เป็นคนปลดปล่อยชีวิตตัวเองให้รอดพ้น บางคนก็เป็นผู้ทำลายชีวิตตัวเอง” (รายงานโดยมุสลิม 223)

เราทุกคนกำลังเดินทางสู่อาคิเราะฮ์ ในทุกๆ วันที่เราตื่นขึ้นมา เราทำภารกิจต่างๆ ทั้งหมดจะส่งผลต่ออาคิเราะฮ์ของเรา ถ้าเราเชื่อฟังทำตามคำสั่งของอัลลอฮ์ก็แสดงว่าเรากำลังไถ่ตัวเองให้พ้นจากการลงโทษของพระองค์ในไฟนรก

ในขณะที่บางคนก็ทำลายตัวเอง ทำให้ตัวเองเสียหาย ชีวิตและเวลาแต่ละวันที่ผ่านเข้ามา เป็นช่วงเวลาที่เขาทำผิดทำบาปต่ออัลลอฮ์ ปล่อยปะละเลยไม่ใส่ใจที่จะทำความดี หมกมุ่นอยู่ในอารมณ์ใฝ่ต่ำเป็นทางชัยฏอน นี่คือการทำลายตัวเองและจะสร้างความลำบากให้เขาในวันอาคิเราะฮ์

นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เราจะต้องตระหนัก และอิสลามก็พยายามใช้โอกาสต่างๆ ในการตักเตือนให้เราสำนึกถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ อย่างน้อยทุกๆ วันศุกร์เราจะได้ยินอายะฮ์อัลกุรอานนี้

﴿يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ ٱتَّقُواْ ٱللَّهَ حَقَّ تُقَاتِهِۦ وَلَا تَمُوتُنَّ إِلَّا وَأَنتُم مُّسۡلِمُونَ 102﴾ [آل عمران: 102]

ความว่า “โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงตักวา/ยำเกรงต่ออัลลอฮ์ด้วยการตักวาที่แท้จริง และอย่าได้เสียชีวิตนอกจากในสภาพที่พวกเจ้าทั้งหลายเป็นมุสลิมเท่านั้น” (อาล อิมรอน 102)

 

พี่น้องครับ

ทุกสัปดาห์เราจะต้องได้ยินคำเตือนนี้ เพื่อให้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงสำคัญที่ทุกคนจะต้องเจอ

ถ้าหากเรากลับไปดูอายะฮ์ดังกล่าวนี้ในอัลกุรอาน เราจะเห็นว่านอกจากจะมีคำเตือนให้เรายำเกรงต่ออัลลอฮ์และดูแลรักษาตัวเองไม่ให้เสียชีวิตนอกจากในสภาพที่เป็นมุสลิมเท่านั้น ยังมีอายะฮ์ต่อจากนั้นที่พูดถึงปัจจัยที่จะทำให้ภารกิจในการรักษาสภาพการเป็นมุสลิมของเราบรรลุผลสำเร็จ เป็นคำสั่งพ่วงหลังจากที่อัลลอฮ์สั่งให้เราตักวา/ยำเกรงต่อพระองค์ นั่นก็คือคำสั่งที่ว่า

﴿وَٱعۡتَصِمُواْ بِحَبۡلِ ٱللَّهِ جَمِيعٗا وَلَا تَفَرَّقُواْۚ﴾ [آل عمران: 103] 

ความว่า “และจงยึดมั่นกับสายเชือกของอัลลอฮ์อย่างถ้วนทั่วทุกคน และอย่าได้แตกแยกออกจากกัน” ( อาล อิมรอน 103)

ถ้าคำสั่งให้ตักวา/ยำเกรงในอายะฮ์ก่อนหน้านี้เป็นการย้ำเตือนให้เรานึกถึงอาคิเราะฮ์อยู่ตลอดเวลา เป็นเป้าหมายที่เราจะต้องไปให้ถึง อายะฮ์ต่อมาที่มีคำสั่งให้เรายึดมั่นกับสายเชือกของอัลลอฮ์นี้ก็เป็นการอธิบายวิธีการใช้ชีวิตที่จะนำไปสู่ความสำเร็จภายใต้เป้าหมายการตักวาต่ออัลลอฮ์

จงยึดมั่นในสายเชือกของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ไม่ว่าเราจะอยู่ในเหตุการณ์ใด ช่วงที่เราต้องเจอกับบททดสอบ ช่วงที่เราเจอกับความทุกข์ยาก ช่วงที่ต้องเลือกหรือตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ช่วงที่เจอกับความท้าทายต่างๆ ที่เข้ามาก่อกวนสังคมมุสลิม ฯลฯ คำสั่ง وَٱعۡتَصِمُواْ بِحَبۡلِ ٱللَّهِ ให้ยึดมั่นในสายเชือกของอัลลอฮ์จะต้องมีอยู่ตลอดเวลากับตัวเรา อย่าลืมหลักการนี้ เพราะเราต้องใช้มันในทุกสถานการณ์

 

พี่น้องที่รักครับ

อะไรคือความหมาย สายเชือกของอัลลอฮ์ ? ที่เราทุกคนจะต้องยึดมั่นตามคำสั่งของพระองค์

โดยทั่วไปเชือกมีหน้าที่เอาไว้ผูกให้แน่น และมีไว้เพื่อให้เรายึดเกาะในยามที่เราอาจจะต้องเจอกระแสน้ำเชี่ยวกรากไม่ให้เราหลุดไปหรือจมน้ำ เช่นเดียวกับหน้าที่สายเชือกของอัลลอฮ์ ที่มีไว้ให้เรายึดแน่นป้องกันการหลุดออกไปจากศาสนาของพระองค์และตกลงไปในหลุมพรางอันตรายของชัยฏอน

หับลุลลอฮ์/สายเชือกของอัลลอฮ์ เป็นสิ่งที่บรรดาอุละมาอ์ได้ให้ความหมายเอาไว้ดังนี้

หนึ่ง สายเชือกของอัลลอฮ์ หมายถึง ศาสนาของอัลลอฮ์[1] ที่พระองค์สั่งให้เรานับถือและยึดมั่น

สอง  สายเชือกของอัลลอฮ์ หมายถึง อัลกุรอาน[2] แสดงว่าเราต้องยึดมั่นกับหลักคำสอนต่างๆ ในอัลกุรอานอย่างดีที่สุดจะต้องไม่ละเลยกับการเรียนรู้และนอมน้ำคำสอนของอัลกุรอานมาใช้ในการดำรงชีวิต

ทั้งสองความหมายนี้ไม่ได้ค้านกันเลย เพราะศาสนาของอัลลอฮ์จะเอามาจากไหนถ้าไม่ใช่เอามาจากอัลกุรอาน และอัลกุรอานก็คือคำสอนของอิสลามอันดับแรกที่เราจะต้องยึดปฏิบัติ

นอกจากนี้ยังมีคนที่ให้ความหมายที่สาม สายเชือกของอัลลอฮ์ว่า คือ ญะมาอะฮ์ (เป็นทัศนะของอิบนุ มัสอูด ดูในตัฟซีร อัฏ-เฏาะบะรีย์) หมายถึงการอยู่กันเป็นหมู่คณะที่ยึดอยู่บนหลักการอันถูกต้องจากอัลกุรอานและสุนนะฮ์ ตามแนวทางของชาวสะลัฟศอลิห์

สี่ มีคนที่ให้ความหมายสายเชือกของอัลลอฮ์ว่า หมายถึง การที่เราอิคลาศ/มีความบริสุทธิ์ใจในการเชื่อมั่นศรัทธาและการมอบเตาฮีดของเราต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา[3]

เพราะฉะนั้น หลักการยึดมั่นในสายเชือกของอัลลอฮ์นี้เป็นฐานรากและแก่นแกนที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไม่ว่าเราจะเจอกับเหตุการณ์หรือสภาพการณ์ใดในชีวิตก็ตาม

และไม่ว่าเราจะเห็นต่างกันในเรื่องปลีกย่อยบางอย่างในศาสนา แต่การยึดมั่นในสายเชือกของอัลลอฮ์ในภาพรวมต้องเป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนยอมรับโดยไร้ข้อกังขา ต้องพยายามเทียบวัดทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้องในชีวิตให้เข้ากับมาตรฐานตามหลักการนี้ให้มากที่สุด ในสภาพที่เราต้องเผชิญกับปัญหามากมายในสังคมปัจจุบัน ที่ท้าทายทั้งอัตลักษณ์และตัวตนของเราในฐานะผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา อาจจะกระทบต่อการเดินทางของเราสู่อาคิเราะฮ์ต่อไป

 

พี่น้องที่อัลลอฮ์เมตตาทุกท่าน

ไม่ว่าเราจะพูดอะไร เราจะทำอะไร หรือจะคิดอะไร ให้ใช้สายเชือกของอัลลอฮ์ เป็นมาตรฐาน

แน่นอนว่า เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เราจะหลีกเลี่ยงฟิตนะฮ์หรือบททดสอบต่างๆ ในดุนยานี้ สิ่งที่เราทำได้มากที่สุดก็คือ ดูแลตัวเองให้อยู่ในเส้นทางของอิสลามให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ในครอบครัวของเรา ในที่ทำงานของเรา ในการหาเลี้ยงชีพของเรา ฯลฯ พยายามให้มากที่สุดในการที่จะใช้มาตรฐานของอัลลอฮ์ในการตัดสินใจทำอะไรลงไป

ต้องพยามยามเรียนรู้และยึดมั่นกับสายเชือกของอัลลอฮ์ไว้ ถ้าสมมุติว่าเกิดความไขว้เขวหรือเอียงซ้ายเอียงขวาก็ให้รีบทบทวนและกลับมาอยู่ในเส้นทางของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ให้เร็วที่สุด

บางครั้งเราอาจจะพ่ายแพ้ต่อชัยฏอน ผิดพลาดทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ให้หมั่นเตาะบะฮ์และอิสติฆฟารต่ออัลลอฮ์ให้มาก ขอดุอาอ์ให้อัลลอฮ์ชี้ทางแก่เราอยู่เสมอ และหากจะมีฟิตนะฮ์ใดๆ เกิดขึ้นก็ขอให้เราปลอดภัยจากสิ่งที่เราไม่สามารถจะแบกรับมันไหว

ชัยฏอนคือศัตรูของมนุษย์ มันพยายามที่จะให้เราออกไปจากเส้นทางของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เราจะหนีพ้นการล่อลวงของชัยฏอน กระนั้นก็ตาม เวลาใดที่เรารู้สึกว่าโดนชัยฏอนเล่นงาน เรายังมีโอกาสที่จะกลับตัวได้ ยังมีโอกาสที่เราจะได้รับความเมตตาจากอัลลอฮ์อยู่เสมอ ถ้าเราเป็นคนที่มีตักวา/ความยำเกรงอยู่ในใจของเรา

อัลลอฮ์ตรัสว่า

﴿إِنَّ ٱلَّذِينَ ٱتَّقَوۡاْ إِذَا مَسَّهُمۡ طَٰٓئِفٞ مِّنَ ٱلشَّيۡطَٰنِ تَذَكَّرُواْ فَإِذَا هُم مُّبۡصِرُونَ 201﴾ [الأعراف: 201] 

ความว่า “แท้จริงแล้ว บรรดาผู้ที่มีความตักวา/ยำเกรงต่ออัลลอฮ์นั้น เมื่อชัยฏอนบางกลุ่มได้ล่อลวงพวกเขาให้ทำผิด พวกเขาก็จะหาทางสำนึกตน แล้วพวกเขาก็จะเห็นหนทางที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง” (อัล-อะอฺรอฟ 201)

เมื่อโดนชัยฏอนล่อลวงชั่วครู่ชั่วคราว ก็ต้องทบทวนตัวเองด้วยหลักการอิสลามว่าผิดตรงไหน มีช่องว่างตรงไหน บกพร่องตรงไหน จนเป็นเหตุให้ตกหลุมพรางชัยฏอน เมื่อทบทวนได้ก็จะเห็นหนทางแห่งความจริง แล้วจึงได้เตาบะฮ์ ขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์และทำความดีเป็นการลบล้างความผิดพลาดที่ทำลงไป

นี่คือคำสอนของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นคำสอนที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของเราเหลือเกิน เพราะไม่มีทางที่คนเราจะมีชีวิตอยู่ด้วยอีมานที่เต็มเปี่ยมตลอดเวลา อีมานของเรามีทั้งขึ้นและลง มีช่วงที่ชัยฏอนเข้ามากระซิบกระซาบเรา แต่ก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้ชัยฏอนลากจูงเราจนไม่ยอมถอนตัวออกมา หรือไม่พยายามกลับตัวต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา  

ดังนั้น จงตักวาต่ออัลลอฮ์อย่างแท้จริง และจงยึดมั่นในสายเชือกของอัลลอฮ์อย่างเข้มแข็ง

นี่เป็นคำสั่งที่พระองค์เตือนเราอยู่เสมอ เป็นหลักการที่เราต้องใช้ตลอดชีวิตในการเดินทางกลับไปสู่อาคิเราะฮ์ ให้เราเป็นผู้ที่ไถ่ตัวเองให้รอดพ้นจากนรกได้อย่างปลอดภัย อย่าได้เป็นผู้ที่ทำลายตัวเอง ที่เวลาผ่านไปเรากลับไม่ได้รับความดีงามของอิสลาม แต่เป็นทาสของชัยฏอนแทน วัลอิยาซุบิลลาฮ์มินซาลิก



[1] دين الله: يريد بذلك تعالى ذكره: وتمسَّكوا بدين الله الذي أمركم به. [تفسير الطبري]

[2] وقيل: (بحبل من الله) يعني: القرآن. [تفسير ابن كثير]

[3] إخلاص التوحيد لله. [رأي أبي العالية وابن زيد، انظر تفسير الطبري]


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

- สงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นใดๆ ก็ตามที่พิจารณาว่าไม่เหมาะควร -

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น