พี่น้องผู้ร่วมละหมาดที่อัลลอฮ์รักและเมตตาทุกท่าน
อัลหัมดุลิลลาฮ์ ชุโกรต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ท่ามกลางปัญหาและความท้าทายต่างๆ
ในชีวิตเรายังคงอยู่ภายใต้ความเมตตาของพระองค์อัลลอฮ์ การดำรงชีวิตในดุนยาในยุคปัจจุบัน
มีเรื่องมากมายให้เราต้องขบคิด มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เราต้องยุ่งและเกี่ยวข้อง
มีทั้งความหวัง มีทั้งอุปสรรคและปัญหา เรื่องราวต่างๆ ของเรา มันเอาเวลาในแต่ละวันของเราไปมากเท่าไร
พี่น้องเคยฉุกคิดสักครั้งไหมว่า เรื่องที่เราเป็นห่วงและกังวลในแต่ละวัน จริงๆ
แล้วคือเรื่องอะไรกันแน่
ความกังวลของเรามักจะเป็นความกังวลที่มีผลต่ออนาคตระยะสั้นๆ
เช่น กลัวว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร กลัวว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
กลัวว่าครอบครัวจะมีอะไรกิน กลัวว่าลูกหลานจะเติบโตขึ้นมาในวิถีชีวิตแบบไหน
สิ่งเหล่านี้เป็นความกังวลปกติในโลกดุนยาที่ไม่ได้ผิดแปลกอะไร แต่พี่น้องครับ คำถามก็คือว่า
ในจำนวนความกังวลที่เรามีในชีวิตของเรา เรามีความกังวลต่ออนาคตอันยาวนานในโลกหน้า ในวันอาคิเราะฮ์ด้วยหรือไม่? ดุนยานี้เราจะกังวลกับปัญหาต่างๆ ก็ไม่ว่ากัน
แต่เราจะต้องรู้ว่าเรายังมีอาคิเราะฮ์ด้วย ยังมีเรื่องที่เราต้องกังวลในวันข้างหน้าด้วยเช่นกัน
พี่น้องครับ
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นผู้ที่อัลลอฮ์
สุบหานะฮูวะตะอาลา
บอกว่าเป็นบุคคลที่เป็นห่วงและกังวลต่อประชาชาติของท่านอย่างที่สุด
﴿لَقَدۡ جَآءَكُمۡ رَسُولٞ مِّنۡ أَنفُسِكُمۡ
عَزِيزٌ عَلَيۡهِ مَا عَنِتُّمۡ حَرِيصٌ عَلَيۡكُم بِٱلۡمُؤۡمِنِينَ رَءُوفٞ رَّحِيمٞ
128﴾ [التوبة: 128]
ความว่า “แท้จริงมีเราะสูลคนหนึ่งจากพวกท่านเองได้มาหาพวกท่านแล้ว
เป็นที่ลำบากใจแก่เขาในสิ่งที่พวกท่านได้รับความทุกข์ยาก เป็นผู้ห่วงใย เป็นผู้เมตตา
ผู้กรุณาสงสารต่อบรรดาผู้ศรัทธา” (อัต-เตาบะฮ์ 128)
สุบหานัลลอฮ์ นี่คือบุคคลที่ห่วงใยและกังวลต่อเรามากที่สุด
ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในหะดีษหลายบทของท่าน
ได้เผยถึงความกังวลที่ท่านกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับประชาชาติของท่านที่เป็นอุมมะฮ์ในยุคสุดท้าย
มีหลายเรื่องด้วยกัน อาทิ
หนึ่ง การริยาอ์/การโอ้อวด รายงานจาก
มะห์มูด บิน ละบีด พาดพิงไปยังท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า
«إنَّ أخْوَفَ ما أخافُ عليكم
الشِّركُ الأصْغَرُ»، قالوا: وما الشِّركُ الأصْغَرُ يا رسولَ اللهِ؟ قال: «الرِّياءُ».
[رواه أحمد 23630، صححه الألباني في صحيح الترغيب 32]
ความว่า “แท้จริงแล้ว
สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดว่าจะเกิดกับพวกท่านก็คือ ชิริกเล็ก” พวกเขาถามว่าอะไรคือ
ชิริกเล็ก โอ้เราะสูลของอัลลอฮ์? ท่านตอบว่า “มันคือริยาอ์/การโอ้อวด” (บันทึกโดยอะห์มัด 23630 อัล-อัลบานีย์กล่าวว่าเศาะฮีห์
ในเศาะฮีห์ อัต-ตัรฆีบ 32)
เราทราบดีว่าการตั้งภาคีคือชิริกใหญ่ ซึ่งเราต่างระมัดระวังตัวเองอย่างดี
แต่ชิริกเล็กที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กลัวว่าจะเกิดขึ้นกับเรา ก็คือการทำความดีเพื่อโอ้อวดให้คนอื่นเห็น
หะดีษนี้มีคำอธิบายเพิ่มเติมในหะดีษอีกบทหนึ่ง จากอบู สะอีด อัล-คุดรีย์
เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ พาดพิงถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า
«ألَا أُخبركم بما هو أخوفُ
عليكم عندي من المسيحِ الدجالِ؟»، قال: قلنا: بلى، فقال: «الشركُ الخفيُّ أن يقومَ
الرجلُ يُصلي فيُزيِّنُ صلاتَه لما يرى من نظرِ رجلٍ». [صحيح ابن ماجه للألباني، 3408: حسن]
ความว่า “เอาไหมที่ฉันจะบอกพวกท่านถึงสิ่งที่น่ากลัวสำหรับพวกท่านมากกว่าดัจญาลผู้ตาบอด?”
พวกเขาตอบว่าอยากรู้ แล้วท่านก็กล่าวว่า “มันคือชิริกแฝง คือการที่คนผู้หนึ่งละหมาด
แล้วทำท่าทางให้ละหมาดของเขาดูดี ตั้งใจให้คนอื่นดูเพราะเขารู้ว่ามีคนมองเขาอยู่”
(เศาะฮีห์ อิบนิ มาญะฮ์ ของ อัล-อัลบานีย์ 3408 เป็นหะดีษหะสัน)
สุบหานัลลอฮ์ ดัจญาล คือบททดสอบที่น่ากลัวที่สุดแล้วสำหรับประชาชาติในยุคสุดท้าย
แต่ก็มีสิ่งอื่นที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กลัวมากกว่า และเป็นห่วงว่าจะเกิดขึ้นกับประชาชาติของท่าน
นั่นก็คือชิริกแฝงหรือชิริกแบบลับ หมายถึงการริยาอ์ การทำอะมัลความดีต่างๆ
เพื่อจุดประสงค์ให้คนอื่นเห็นและชื่นชม ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ยกตัวอย่างคนละหมาดที่ทำท่าทางให้ดูสวยเพื่อให้สายตาคนอื่นจ้องมองเขา
การทำอิบาดะฮ์อื่นๆ ก็เช่นกัน ระวังความรู้สึกนี้อย่าให้เกิดขึ้นในหัวใจของเรา
อย่าทำอิบาดะฮ์เพื่อหวังให้คนอื่นชมหรือต้องการให้คนอื่นพูดว่าเราทำอิบาดะฮ์ได้ดี
วัลอิยาซุบิลลาฮ์มินซาลิก
สอง ดุนยาและความเพริศแพร้วของมัน
รายงานจากท่านอบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ เล่าว่า
أنَّ النبيَّ صَلَّى اللهُ عليه وسلَّمَ
جَلَسَ ذَاتَ يَومٍ علَى المِنْبَرِ وجَلَسْنَا حَوْلَهُ، فَقَالَ: «إنِّي ممَّا
أخَافُ علَيْكُم مِن بَعْدِي، ما يُفْتَحُ علَيْكُم مِن زَهْرَةِ الدُّنْيَا
وزِينَتِهَا». [البخاري 1465، مسلم 1052]
ความว่า ครั้งหนึ่งท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั่งอยู่บนมินบัรและเราก็นั่งล้อมรอบๆ
ท่าน แล้วท่านก็กล่าวขึ้นมาว่า “แท้จริงแล้ว ฉันกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกท่านหลังจากที่ฉันเสียชีวิตแล้ว
คือการที่ความเพริศแพร้วและความมั่งคั่งอันงดงามของดุนยาจะถูกเปิดแก่พวกท่าน”
(อัล-บุคอรีย์ 1465 มุสลิม 1052)
บททดสอบที่เกี่ยวข้องกับดุนยาและความเจริญทางวัตถุ
มันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด แต่เป็นบททดสอบที่ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นห่วงและกังวลว่าเราจะตกหลุมพรางของมันจนโงหัวหรือเอาตัวรอดไม่ได้
ในหะดีษบทอื่นท่านนบีสั่งให้เราระวังดุนยา ต้องระวังอย่าให้มันมาครอบงำหัวใจของเราจนกระทั่งเราลืมความกังวลของเราในวันอาคิเราะฮ์
สาม นิฟาก/การกลับกลอก
คือหนึ่งในจำนวนสิ่งที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
กลัวว่าจะเกิดขึ้นกับประชาชาติของท่าน เล่าจากอุมรอน
บิน หุศ็อยน์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ได้กล่าวว่า
«أخوف ما أخاف عليكم جدال
المنافق عليم اللسان» [رواه ابن حبان 1/281]
ความว่า “สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดว่าจะเกิดขึ้นกับพวกท่านก็คือ การโต้เถียงของมุนาฟิกที่มีวาทะฉะฉาน”
(อิบนุ หิบบาน 1/281)
มุนาฟิกที่มีวาทะฉะฉานและโวหารน่าฟังแต่กลับซุกซ่อนกุฟร์/การปฏิเสธศรัทธาไว้ภายใน
ทำให้คนอื่นติดตามและเชื่อใจ เป็นการบ่อนทำลายที่คนไม่รู้อาจจะไม่ทันได้ระวังตัว เป็นคนที่คอยสร้างความปั่นป่วนให้กับสังคมมุสลิม
แม้ว่าตัวเองจะบอกว่าเป็นมุสลิมก็ตาม นะอูซุบิลลาฮ์มินซาลิก
จริงๆ แล้วระหว่างดุนยากับนิฟาก บางครั้งมันก็อยู่ด้วยกันจนแยกไม่ออก
ในหะดีษบทหนึ่งท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม พูดถึงสองอย่างนี้ไว้ด้วยกัน
เล่าจากท่านอุกบะฮ์ บิน อามิร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«إنِّي أخاف على أُمَّتي
اثنَتَيْن: القرآنَ واللَّبَن، أما اللَّبَن فيَبْتَغُون الرِّيفَ ويتَّبِعون
الشَّهَوَاتِ ويَتْركون الصلوات، وأما القرآن فيتعلَّمه المنافقون فيُجادِلون به
المؤمنين». [رواه أحمد 17318، السلسلة الصحيحة للألباني 2778].
ความว่า “แท้จริงแล้ว ฉันกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นประชาชาติของฉันสองประการ
คือ อัลกุรอานและนม กล่าวคือ นมทำให้พวกเขาแสวงหาทุ่งหญ้าตามชนบท ตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ
และละทิ้งการละหมาด ส่วนอัลกุรอานนั้นหมายถึงการที่พวกมุนาฟิกเรียนอัลกุรอานแล้วเอามาใช้โต้เถียงสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ศรัทธา”
(บันทึกโดยอะห์มัด 17318 อัส-สิลสิละฮ์
อัศ-เศาะฮีหะฮ์ ของอัล-อัลบานีย์ 2778)
นม หมายถึง การที่ผู้คนแสวงหาดุนยา
ชาวอาหรับในสมัยก่อนหาเลี้ยงชีพด้วยการรีดนมเพื่อใช้กินและขาย
ต้องออกไปเลี้ยงสัตว์ตามทุ่งหญ้า ย้ายไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาลที่หญ้างอกขึ้นมา
จนบางครั้งทำให้ละทิ้งการละหมาดญะมาอะฮ์และละหมาดวันศุกร์ เพราะง่วนอยู่กับดุนยาและไม่สามารถจัดการเวลาเพื่ออาคิเราะฮ์ของตัวเอง
ไล่ตามดุนยาจนลืมที่แสวงหาศาสนาและอาคิเราะฮ์ ซึ่งอาจจะใช้เป็นตัวเทียบและเป็นบทเรียนกับการแสวงหาดุนยาของเราตามบริบทในปัจจุบันดูได้
ส่วนอัลกุรอาน
หมายถึงการที่คนเรียนอัลกุรอานไม่ใช่เพื่อวัตถุประสงค์ต้องการทางนำ แต่มีเป้าหมายแฝงคือต้องการใช้อัลกุรอานมาสร้างความเคลือบแคลงแก่บรรดาผู้ศรัทธา
เป็นนิสัยมุนาฟิกที่คิดแต่จะสร้างความปั่นป่วนในสังคม
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวนมและอัลกุรอาน ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
ตัวปัญหาคือพฤติกรรมของคนที่ใช้สองอย่างนี้ในทางที่ไม่ถูกต้อง[1]
พี่น้องครับ
สิ่งที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มีความกังวลอีกประการหนึ่ง
ประการที่สี่ บรรดาผู้นำแห่งความหลงผิด มีรายงานเษาบาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์
เล่าว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«إنَّما أخافُ علَى أمَّتي
الأئمَّةَ المضلِّينَ» [صحيح الترمذي للألباني، 2229]
ความว่า “แท้จริงแล้ว สิ่งที่ฉันกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับประชาชาติของฉัน
คือ บรรดาผู้นำที่สร้างความหลงผิด” (เศาะฮีห์ อัต-ติรมิซีย์ 2229)
บรรดาคนที่เป็นผู้นำ คนที่มีอิทธิพล และชักจูงคนอื่นให้ตามลัทธิหรือแนวความคิดพิศดารที่ไม่ได้มาจากอัลลอฮ์และเราะสูลของพระองค์
ทำให้ออกห่างจากศาสนาของพระองค์ สิ่งต่างๆ
ที่ไม่ได้จากกิตาบุลลอฮ์และไม่ได้จากสุนนะฮ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
จะพาให้เราหลงทางได้ จึงจำเป็นจะต้องระวังอย่างยิ่ง
พี่น้องครับ
อัลกุรอานได้กำชับให้ผู้ศรัทธาทุกคนตระหนักถึงวันอาคิเราะฮ์
ให้มีความกังวลและเป็นห่วงถึงบั้นปลายที่จะต้องเจอหลังจากความตาย อัลลอฮ์
สุบหานะฮูวะตะอาลา บอกให้เราระวังการล่อลวงของปัจจัยทางโลกดุนยา และระวังอุบายของชัยฏอน
﴿ يَٰٓأَيُّهَا ٱلنَّاسُ ٱتَّقُواْ رَبَّكُمۡ
وَٱخۡشَوۡاْ يَوۡمٗا لَّا يَجۡزِي وَالِدٌ عَن وَلَدِهِۦ وَلَا مَوۡلُودٌ هُوَ جَازٍ
عَن وَالِدِهِۦ شَيًۡٔاۚ إِنَّ وَعۡدَ ٱللَّهِ حَقّٞۖ فَلَا تَغُرَّنَّكُمُ ٱلۡحَيَوٰةُ
ٱلدُّنۡيَا وَلَا يَغُرَّنَّكُم بِٱللَّهِ ٱلۡغَرُورُ 33 ﴾ [لقمان: 33]
ความว่า “โอ้มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าจงยำเกรงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าเถิด
และจงกลัววันหนึ่ง ที่พ่อไม่อาจจะช่วยลูกของเขาได้
และลูกก็ไม่อาจจะช่วยพ่อของเขาได้แต่อย่างใด แท้จริงสัญญาของอัลลอฮ์นั้นเป็นความจริง
ดังนั้นอย่าให้การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ล่อลวงพวกเจ้า และอย่าให้หัวหน้าพวกล่อลวง
(ชัยฏอน) มาหลอกลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮ์เป็นอันขาด” (ลุกมาน 33)
พี่น้องที่อัลลอฮ์เมตตาทุกท่าน
เราต้องมีชีวิตอยู่แบบคนรู้ตัวว่าอนาคตเราต้องเจอกับอะไร
แน่นอนว่าผู้ที่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรมีแต่อัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา เท่านั้น ในอัลกุรอานมีอายะฮ์มากมายบอกกับเราว่าหลังจากความตายเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
นอกจากนี้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ก็มีหะดีษมากมายที่บอกเราให้ทราบว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่เป็นสัญญาณของวันกิยามะฮ์
ให้เราได้เตรียมตัวล่วงหน้า เพราะฉะนั้นมุอ์มินจะต้องเรียนรู้ว่าอนาคตของเราจะต้องเจอกับอะไร
ด้วยการศึกษาเรียนรู้อัลกุรอานและหะดีษอย่างสม่ำเสมอ
พร้อมกันนั้นก็ต้องขอดุอาอ์ให้ปลอดภัยจากสิ่งที่เราจะต้องเจอในอนาคต
ที่เป็นความกังวลของพวกเราทุกคน
عن أبي هُرَيْرَةَ رضي الله عنه قال: قال رسول الله صلى
الله عليه وسلم: «إِذَا تَشَهَّدَ أَحَدُكُمْ فَلْيَسْتَعِذْ باللَّهِ مِن
أَرْبَعٍ يقولُ: اللَّهُمَّ إنِّي أَعُوذُ بِكَ مِن عَذَابِ جَهَنَّمَ، وَمِنْ
عَذَابِ القَبْرِ، وَمِنْ فِتْنَةِ المَحْيَا وَالْمَمَاتِ، وَمِنْ شَرِّ فِتْنَةِ
المَسِيحِ الدَّجَّالِ». [البخاري 1377، مسلم 588]
ความว่า จากอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ได้กล่าวว่า “เมื่อพวกท่านตะชะฮ์ฮุดเสร็จแล้ว ให้ขอดุอาอ์ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้ปลอดภัยจากสี่ประการ
ให้กล่าวว่า อัลลอฮุมมะ อินนี อะอูซุบิกะ มิน อะซาบิ ญะฮันนัม วะมิน อะซาบิลก็อบร์
วะมิน ฟิตนะติล มะห์ยา วัล มะมาต วะมิน ชัรริ ฟิตนะติล มะสีหิดดัจญาล
ความหมายคือ โอ้อัลลอฮ์ ข้าขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากการลงโทษในนรกญะฮันนัม จากการลงโทษในหลุมฝังศพ
จากบททดสอบในชีวิตและความตาย และจากบททดสอบของดัจญาลผู้ตาบอด” (อัล-บุคอรีย์ 1377 มุสลิม 588)
หวังว่าพวกเราทุกคนจะได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากสิ่งต่างๆ ที่ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้แสดงความเป็นห่วงและกังวลแก่ประชาชาติของท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
- สงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นใดๆ ก็ตามที่พิจารณาว่าไม่เหมาะควร -
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น