วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2567

คุฏบะฮ์ - เราะมะฎอน ปลดปล่อยจากนรก - ซุฟอัม อุษมาน


 ฟังคุฏบะฮ์นี้ได้จาก YouTube

คุฏบะฮ์ - เราะมะฎอน ปลดปล่อยจากนรก - ซุฟอัม อุษมาน - YouTube

หรือบน SoundCloud

Stream คุฏบะฮ์ - เราะมะฎอน ปลดปล่อยจากนรก - ซุฟอัม อุษมาน by e-Daiyah | Listen online for free on SoundCloud



พี่น้องผู้ศรัทธาที่อัลลอฮ์รักทุกท่าน

เราอยู่ในเดือนเราะมะฎอน ตลอดทั้งเดือนอัลลอฮ์มีคำสั่งให้เราถือศีลอด ซึ่งมีเป้าหมายของมัน เดือนเราะมะฎอนมีเป้าหมายหลายประการที่อัลลอฮ์ต้องการให้เราซึมซับในชีวิตของเรา ยิ่งเข้าใกล้ช่วงสุดท้ายของเดือนก็ยิ่งต้องตรวจสอบตัวเองดูว่าเราได้บรรลุเป้าหมายอะไรไปบ้างแล้วกี่อย่าง ตรวจสอบเป้าหมายของเราะมะฎอนตามที่ระบุจากหลักฐานต่างๆ ทั้งในอัลกุรอานและหะดีษ

ในอัลกุรอาน อัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

﴿ يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ كُتِبَ عَلَيۡكُمُ ٱلصِّيَامُ كَمَا كُتِبَ عَلَى ٱلَّذِينَ مِن قَبۡلِكُمۡ لَعَلَّكُمۡ تَتَّقُونَ 183 ﴾ [البقرة: 183] 

ความว่า “บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! การถือศีลอดนั้นได้ถูกบัญญัติแก่พวกเจ้าแล้ว เช่นเดียวกับที่ได้ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเจ้ามาก่อน เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ยำเกรง” (อัล-บะเกาะเราะฮ์ 183)

อัลลอฮ์สั่งให้เราถือศีลอดเพื่อให้เราเป็นผู้ที่มีความยำเกรง มีความตักวา นี่คือเป้าหมายหนึ่งที่ระบุอยู่ในอัลกุรอาน

ถ้าในหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็มีกล่าวไว้ด้วย เช่น

«مَن صَامَ رَمَضَانَ، إيمَانًا واحْتِسَابًا، غُفِرَ له ما تَقَدَّمَ مِن ذَنْبِهِ». [الراوي: أبو هريرة، البخاري 38، مسلم 760]

ความว่า “ผู้ใดที่ถือศีลอดเราะมะฎอน ด้วยความศรัทธาและบริสุทธิ์ใจหวังในความโปรดปรานของอัลลอฮ์ เขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปที่ผ่านมา” (รายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮ์ บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ 38 และมุสลิม 760)

ในหะดีษนี้บอกว่า ใครที่ถือศีลอดด้วยความศรัทธาและอิคลาศเพื่อความโปรดปรานและผลบุญจากอัลลอฮ์ พระองค์ก็จะอภัยโทษให้กับเขา นี่ก็เป็นเป้าหมายหนึ่งในเดือนเราะมะฎอน

 

พี่น้องครับ

ยังมีเป้าหมายอื่นๆ อีกหลายประการ มีทั้งเป้าหมายรวมและเป้าหมายย่อย เป้าหมายรวมก็คือเพื่อจะได้มีความตักวา ส่วนเป้าหมายย่อยก็อาจจะกล่าวได้ว่าเพื่อลบบาป เพื่อศึกษาอัลกุรอาน เพื่อปรับสมดุลร่างกายให้มีสุขภาพที่ดี เพื่อร่วมสร้างสังคมที่สันติสุขด้วยการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพื่อขอสิ่งที่ตัวเองปรารถนาในคืนลัยละตุลก็อดร์ซึ่งเป็นคืนที่ดีที่สุดประเสริฐกว่าหนึ่งพันเดือน ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ คือ เป้าหมายต่างๆ ที่มีอยู่ในเดือนเราะมะฎอน แต่ยังมีเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญมากและไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ เป้าหมายในการปลดตัวเองให้พ้นจากการเป็นชาวนรก เพราะเป้าหมายนี้ก็ถูกพูดถึงในหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เช่นเดียวกันว่า

«وَلِلَّهِ عُتَقَاءُ مِنَ النَّارِ وَذَلِكَ فِي كُلِّ لَيْلَةٍ» [الراوي: أبوهريرة، أخرجه الترمذي 682، وابن ماجه 1642، صححه الألباني في صحيح ابن ماجه واللفظ له]

ความว่า “สำหรับอัลลอฮ์นั้น มีผู้ที่พระองค์ปลดปล่อยพวกเขาให้พ้นจากนรก ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกคืนของเราะมะฎอน” (รายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮ์ บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ 682 และ อิบนุ มาญะฮ์ 1642 อัล-อัลบานีย์วินิจฉัยว่าเศาะฮีห์ นี่เป็นสำนวนของอิบนุ มาญะฮ์)

อัลลอฮ์จะทรงปลดปล่อยบ่าวของพระองค์ในทุกค่ำคืนของเดือนเราะมะฎอนให้พ้นจากนรก นี่ต้องเป็นเป้าหมายหนึ่งของเรา ต้องมีความหวังว่าในจำนวนรายชื่อที่อัลลอฮ์จะลบออกจากรายชื่อชาวนรกนั้นต้องมีชื่อของเราด้วย ตั้งไว้เป็นเป้าหมายสำหรับเดือนเราะมะฎอนนี้

ในรายงานอื่นที่เล่าจาก อบู อุมามะฮ์ และ ญาบิร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา มีสำนวนว่า

«إنَّ للهِ تعالى عند كلِّ فطرٍ عُتَقاءَ من النارِ، وذلك في كلِّ ليلةٍ» [صحيح الجامع الصغير 2170، حديث حسن]

ความว่า “แท้จริงแล้ว สำหรับอัลลอฮ์นั้น ณ เวลาละศีลอดทุกครั้ง จะมีผู้ที่พระองค์ปลดปล่อยให้พ้นจากนรก และมันจะเกิดขึ้นทุกๆ คืนของเราะมะฎอน” (เศาะฮีห์ อัล-ญามิอฺ 2170 หะดีษหะสัน)

 

พี่น้องครับ

หากมีอะไรหลายๆ อย่างที่เราอยากจะขอและปรารถนาอยากจะได้ในเดือนเราะมะฎอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดุนยา หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง กับครอบครัว กับลูกหลาน เรื่องที่เกี่ยวข้องกับริซกี อาชีพหรือธุรกิจ และกำไรอื่นๆ ในดุนยานี้ ได้โปรดให้มีอีกอย่างหนึ่ง ให้มีเป้าหมายในการขอเพื่อให้เรารอดพ้นจากการเป็นชาวนรกอีกหนึ่งอย่างด้วย ซึ่งนี่คือเป้าหมายสูงสุดเหนือเป้าหมายอื่นๆ ทั้งหมดที่เราขอก่อนหน้านี้

เหตุใดที่เราต้องขอให้พ้นจากนรก เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่มีใครที่สามารถทนทานต่อการลงโทษของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ในนรกได้ เราไม่สามารถขอร้องจากอัลลอฮ์เพื่อที่จะพักโทษในนรกได้แม้แต่นาทีเดียวก็ตาม ขอลดการลงโทษก็ทำไม่ได้ หรือจะขอตายไปเลยให้มันสิ้นซากจะได้จบๆ จากการลงโทษที่เจ็บปวดทรมานก็ยังทำไม่ได้ ใครที่เป็นชาวนรกโดยเฉพาะผู้ที่ต้องรับโทษในนรกตลอดกาล พวกเขาจะไม่มีวันตายและไม่มีวันลดโทษ พระองค์อัลลอฮ์ตรัสว่า

﴿ وَٱلَّذِينَ كَفَرُواْ لَهُمۡ نَارُ جَهَنَّمَ لَا يُقۡضَىٰ عَلَيۡهِمۡ فَيَمُوتُواْ وَلَا يُخَفَّفُ عَنۡهُم مِّنۡ عَذَابِهَاۚ كَذَٰلِكَ نَجۡزِي كُلَّ كَفُورٖ 36 ﴾ [فاطر: 36] 

ความว่า “ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะได้รับไฟนรกญะฮันนัม (เป็นการตอบแทน) โทษนั้นจะไม่จัดการจนพวกเขาตาย ขณะเดียวกันมันก็จะไม่ถูกลดหย่อนแก่พวกเขาแม้แต่น้อย เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้ปฏิเสธศรัทธาทุกคน” (ฟาฏิร 36)

รูปแบบต่างๆ ของการลงโทษในนรกนั้นสามารถที่จะทำให้คนผู้หนึ่งตายได้เลยในวินาทีนั้น แต่พระองค์ไม่ให้เขาตาย เพื่อที่เขาจะได้รับการทรมานอย่างไม่สิ้นสุดซ้ำแล้วซ้ำอีกวนเวียนไปไม่จบสิ้น วัลอิยาซุบิลลาฮ์มินซาลิก

 

﴿ وَقَالَ ٱلَّذِينَ فِي ٱلنَّارِ لِخَزَنَةِ جَهَنَّمَ ٱدۡعُواْ رَبَّكُمۡ يُخَفِّفۡ عَنَّا يَوۡمٗا مِّنَ ٱلۡعَذَابِ 49 ﴾ [غافر: 49]   

ความว่า “และบรรดาผู้ที่ทรมานอยู่ในนรกจะกล่าวแก่ยามเฝ้าประตูนรกว่า โปรดช่วยวิงวอนขอต่อพระเจ้าของพวกท่านให้ทรงลดหย่อนการลงโทษแก่เราสักวันหนึ่งเถิด” (ฆอฟิร 49)

ดังนั้น สิ่งที่เราต้องกำหนดเป็นเป้าหมายก็คือ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉันไม่ขอเป็นชาวนรก ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้รับการลบชื่อออกจากการเป็นชาวนรก ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นทุกค่ำคืนของเดือนเราะมะฎอน

 

พี่น้องครับ

การปลดปล่อยจากนรกในทุกค่ำคืนของเราะมะฎอนนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? มีคำอธิบายจากบรรดาอุละมาอ์ว่า การปลดปล่อยจากนรก คือการที่อัลลอฮ์อภัยโทษให้กับพวกเขา ตอบรับอะมัลอิบาดะฮ์ของพวกเขา ปกป้องพวกเขาไม่ให้ทำความผิดที่เป็นสาเหตุของการได้รับโทษในนรก ดังนั้น จึงสนับสนุนให้มุ่งมั่นทำความดีต่างๆ อย่างตั้งใจเพื่อจะได้เป็นผู้ที่บรรลุเป้าหมายความสำเร็จให้เป็นชาวสรรค์และพ้นจากการเป็นชาวนรก[1]

 จะเห็นได้ว่า เหตุแห่งการพ้นจากนรกในเดือนเราะมะฎอนนั้นมีมากมายเหลือเกิน อิบาดะฮ์ต่างๆ ที่เราทำทั้งหมดคือมูลเหตุดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการถือศีลอด การละหมาดยามค่ำคืน การอ่านอัลกุรอาน การบริจาคทาน การขอดุอาอ์ ฯลฯ อะมัลต่างๆ ที่เราทำในเดือนเราะมะฎอน คือปัจจัยที่อัลลอฮ์จะลบบาปของเรา และตราบใดที่เราไม่มีบาปเราก็จะไม่ใช่ชาวนรกอีกต่อไป

รวมถึงการที่เราสามารถรักษาตัวเองไม่ให้ทำผิดบาปต่ออัลลอฮ์ในเดือนเราะมะฎอน ด้วยบรรยากาศของเดือนนี้ที่ทำให้เรามีความตระหนักอย่างบริสุทธิ์ใจที่จะหลีกเลี่ยงไม่ทำบาป ทำให้บาปของเราลดลงอย่างมาก นี่คือสภาพอันสวยงามของเดือนเราะมะฎอนที่พร้อมจะให้เราได้ประพฤติตนเป็นผู้รอดพ้นจากนรก

แม้กระทั่ง ความประเสริฐของตัวการถือศีลอดเอง ก็มีอานิสงค์โดยตรงต่อการป้องกันตัวเองให้พ้นจากไฟนรก ในหะดีษที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«مَن صامَ يَوْمًا في سَبيلِ اللَّهِ، بَعَّدَ اللَّهُ وجْهَهُ عَنِ النَّارِ سَبْعِينَ خَرِيفًا» [الراوي: أبو سعيد الخدري، البخاري ،2840، مسلم، 1153]

ความว่า “ผู้ใดก็ตามที่ถือศีลอดหนึ่งวันในหนทางของอัลลอฮ์ พระองค์จะทำให้ใบหน้าของเขาห่างไกลจากไฟนรกถึงเจ็ดสิบปี” (รายงานจากอบู สะอีด อัล-คุดรีย์ บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ 2840 และ มุสลิม 1153)

การถือศีลอดเพื่อหนทางของอัลลอฮ์ในที่นี้ หมายถึง ด้วยความอิคลาศบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮ์ เป็นการเชื่อฟังต่อคำสั่งของอัลลอฮ์ ไม่ใช่เพื่อโอ้อวดหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด[2] อัลลอฮ์จะให้เขาห่างไกลจากนรกถึงเจ็ดสิบปีต่อหนึ่งวันที่เขาถือศีลอด อัลลอฮุอักบัร!

เรามีความจำเป็นต้องทำอะมัลอิบาดะฮ์ และทุกครั้งที่เราทำความดีใดๆ ขอให้ตระหนักอยู่เสมอว่า สิ่งที่เราทำขอให้มันเป็นปัจจัยเพื่อให้เราพ้นจากนรก แม้กระทั่งแค่การบริจาคเล็กๆ น้อยๆ เท่ากับซีกเดียวของผลอินทผลัมก็ตาม ในหะดีษที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม พูดถึงวันกิยามะฮ์ที่บ่าวจะต้องเจอกับอัลลอฮ์โดยไม่มีล่ามแปล พระองค์ถามเขาว่าเหตุใดบ่าวจึงไม่บริจาค ทั้งๆ ที่พระองค์ประทานความมั่งคั่งให้มากมายจนสุดท้ายเขาต้องเข้านรก ในตอนท้ายหะดีษท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงสั่งให้บรรดาเศาะหาบะฮ์หมั่นบริจาคเพื่อให้ตัวเองพ้นจากนรกแม้ด้วยซีกเดียวของอินทผลัมก็ตาม

«اتَّقُوا النَّارَ ولو بشِقَّةِ تَمْرَةٍ، فمَن لَمْ يَجِدْ شِقَّةَ تَمْرَةٍ فَبِكَلِمَةٍ طَيِّبَةٍ» [الراوي: عدي بن حاتم، البخاري، 3595، مسلم، 1016]

ความว่า “จงป้องกันตัวเองจากนรกแม้ด้วยการบริจาคอินทผลัมแค่ซีกเดียว ใครที่ไม่มีอินผลัมแค่ซีกเดียวก็จงให้ทานด้วยคำพูดที่ดี” (รายงานจากอะดีย์ บิน หาติม บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ 3595 และมุสลิม 1016)[3]

การบริจาคด้วยอินทผลัมแค่ซีกเดียวก็เป็นเหตุให้ป้องกันจากไฟนรกได้ มาชาอ์อัลลอฮ์

ในวันกิยามะฮ์มนุษย์จะต้องเดินข้ามสะพานศิรอฏที่พาดผ่านนรก แต่ละคนจะมีสภาพการเดินผ่านที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับระดับอะมัลความดีที่ได้ทำไว้ บางคนผ่านไปได้เร็วดั่งสายฟ้าแลบ บางคนเหมือนขี่ม้า บางคนต้องเดิน บางคนต้องคลาน และบางคนก็ไม่รอด เพราะนรกจะคอยตะครุบคนที่เดินผ่านจากบรรดาคนที่ต้องรับโทษให้ตกลงไปจากสะพาน ดังนั้น การป้องกันตัวเองให้พ้นจากนรกจึงเป็นภารกิจที่สำคัญมากสำหรับพวกเราทุกคน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงสั่งเสียให้ป้องกันตัวเองนรก แม้ด้วยการบริจาคเพียงแค่อินผลัมครึ่งเม็ด

มีความหมายเพิ่มเติมที่สามารถขยายความได้ จากหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา วันหนึ่ง มีผู้หญิงยากจนคนหนึ่งมาขอรับอาหารที่บ้านของนาง มาพร้อมกับลูกสาวสองคน ท่านหญิงให้อินทผลัมไปคนละเม็ด ลูกสาวสองคนเมื่อกินอินทผลัมของตนหมดแล้วยังไม่พอ ผู้เป็นแม่ที่กำลังจะหยิบอินทผลัมเข้าปากของตัวเอง จำใจต้องแบ่งลูกสุดท้ายที่เหลือเป็นสองซีกมอบให้กับลูกสาวทั้งสองคนละซีก ท่านหญิงอาอิชะฮ์รู้สึกตื้นตันใจที่ได้เห็น และเล่าเรื่องนี้ให้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้รับฟัง ท่านนบีบอกกับนางว่า

«إنَّ اللَّهَ قدْ أَوْجَبَ لَهَا بهَا الجَنَّةَ، أَوْ أَعْتَقَهَا بهَا مِنَ النَّارِ» [الراوي: عائشة أم المؤمنين، مسلم 2630]

ความว่า “แท้จริงแล้ว อัลลอฮ์ได้กำหนดสวรรค์ไว้ให้แก่นางแล้ว หรือพระองค์ได้ปลดปล่อยนางให้พ้นจากนรกแล้ว” (บันทึกโดยมุสลิม 2630)

มาชาอ์อัลลอฮ์ การทำเรื่องที่ดูเล็กๆ น้อยๆ นี้ แต่ยิ่งใหญ่เหลือเกินในสายตาของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา

นี่คือตัวอย่างที่เราทำได้ แน่นอนที่สุด ในเดือนเราะมะฎอนมีอะมัลมากมายที่เราทำได้เพื่อเข้าหาอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา และเป็นเหตุให้เราได้รอดพ้นจากไฟนรกในวันอาคิเราะฮ์ อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน

 

พี่น้องผู้ศรัทธาทุกท่าน

ในก็ตามที่มีคำปฏิญาณ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ เขาก็จะได้เป็นชาวสวรรค์ อินชาอ์อัลลอฮ์ แม้ว่าบางคนอาจจะต้องผ่านนรกก่อนก็ตาม วัลอิยาซุบิลลาฮ์มินซาลิก นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เราต้องให้สมดุลระหว่างความหวังและความกลัว

ความหวังก็คือ ทุกคนที่มีคำปฏิญาณ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ จะได้เข้าสวรรค์ ความกลัวก็คือ บางทีเราอาจจะต้องเข้านรกก่อนเพราะบาปที่เราทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ เราไม่เอาสภาพที่ต้องเข้านรกก่อนที่จะเข้าสวรรค์ เราขอให้ได้เข้าสวรรค์เลยโดยไม่ต้องผ่านนรก

เพราะฉะนั้น อัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงได้สอนเราให้ขอดุอาอ์ มีดุอาอ์อะไรบ้างที่จะทำให้เรานั้นพ้นจากนรก? มีเยอะแยะมากมาย และบางทีหากเราไม่รู้ดุอาอ์ที่เป็นตัวบทภาษาอาหรับ เราก็ยังสามารถขอด้วยภาษาที่เราเข้าใจเองได้ เมื่อรู้แล้วว่าพระองค์อัลลอฮ์จะปลดปล่อยบ่าวของพระองค์ให้พ้นจากนรกทุกวันของเดือนเราะมะฎอน เราก็ขอจากพระองค์ได้เลยด้วยภาษาที่เราเข้าใจว่า โอ้ อัลลอฮ์ ได้โปรดให้ฉันพ้นจากนรกด้วยเถิด ได้โปรดปลดปล่อยพ่อแม่ของฉัน ครอบครัวของฉัน ลูกหลานของฉัน ให้พ้นจากไฟนรกด้วยเถิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาละศีลอดตามที่ปรากฏในหะดีษก่อนหน้านี้

และหนึ่งในดุอาอ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ ดุอาอ์ที่ปรากฏในอัลกุรอานว่า

﴿رَبَّنَآ ءَاتِنَا فِي ٱلدُّنۡيَا حَسَنَةٗ وَفِي ٱلۡأٓخِرَةِ حَسَنَةٗ وَقِنَا عَذَابَ ٱلنَّارِ 201﴾ [البقرة: 201] 

ความว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา ได้โปรดประทานความดีงามแก่เราในโลกดุนยานี้ และประทานความดีงามแก่เราในวันอาคิเราะฮ์ และขอทรงปกป้องเราให้พ้นจากนรกด้วยเถิด” (อัล-บะเกาะเราะฮ์ 201)

เพราะฉะนั้น พี่น้องครับ ได้โปรดเป็นห่วงตัวเอง เป็นห่วงคนที่เรารักด้วยการขอดุอาอ์ให้เราทุกคนปลอดภัยจากนรก ในเดือนเราะมะฎอน ในช่วงเวลาที่ประเสริฐที่สุดของปี



[1] ดูเพิ่มเติมจาก t.ly/Swl-S

[2] ดูเพิ่มเติมจาก t.ly/qD_Am และ t.ly/gm4c2

[3] ดูหะดีษฉบับเต็มได้จาก t.ly/5GUOO


วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2567

คุฏบะฮ์ - อัลกุรอานกับเราะมะฎอน - ซุฟอัม อุษมาน

 



 ฟังคุฏบะฮ์นี้ได้จาก YouTube

คุฏบะฮ์ - อัลกุรอานกับเราะมะฎอน - ซุฟอัม อุษมาน (youtube.com)

หรือบน SoundCloud

Stream คุฏบะฮ์ - อัลกุรอานกับเราะมะฎอน - ซุฟอัม อุษมาน by e-Daiyah | Listen online for free on SoundCloud


พี่น้องมุสลิมผู้ร่วมละหมาดวันศุกร์ที่อัลลอฮ์เมตตาทุกท่าน

เวลานี้คงไม่มีคำกล่าวใดจะเหมาะสมมากไปกว่าการแสดงความยินดีกับบรรดาผู้ศรัทธาทุกคนที่เดือนเราะมะฎอนเดินทางมาถึงแล้ว เราได้ร่วมต้อนรับเดือนอันประเสริฐยิ่งในรอบปี อะฮ์ลัน เราะมะฎอน, อะฮ์ลัน ชะฮ์ร็อลกุรอาน แสดงความยินดีที่เราได้ต้อนรับเดือนเราะมะฎอนที่คิดถึง เดือนแห่งการประทานอัลกุรอาน เดือนแห่งความบะเราะกะฮ์อันเปี่ยมล้น

 

พี่น้องครับ

ทำไมผู้ศรัทธามีความยินดีเมื่อได้ยินข่าวเราะมะฎอนมาถึง ทำไมเรารู้สึกดีใจและรู้สึกตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าเราะมะฎอนใกล้เข้าแล้ว แน่นอนที่สุด สำหรับคนที่รู้และเข้าใจ เขาจะรู้ดีว่าเราะมะฎอนมีคุณค่ามากที่สุดสำหรับชีวิตของเขา นั่นคือเหตุที่ทำให้เขารู้สึกยินดีและอยากจะเจอกับเดือนเราะมะฎอน

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เองก็มีความยินดีเมื่อเราะมะฎอนมาถึง ท่านเองได้บอกข่าวแก่บรรดาเศาะหาบะฮ์ของท่าน แจ้งข่าวดีนี้ให้กับประชาชาติของท่านได้ร่วมแสดงความยินดีในการต้อนรับเดือนอันประเสริฐนี้

หะดีษที่รายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ เล่าจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า

«إِذا جَاءَ رَمَضَانُ، فُتِّحَتْ أَبْوَابُ الجنَّةِ، وغُلِّقَت أَبْوَابُ النَّارِ، وصُفِّدتِ الشياطِينُ». [البخاري 3277 ومسلم 1079]

ความว่า “เมื่อเราะมะฎอนมาถึง ประตูสวรรค์จะถูกเปิดอย่างกว้างขวาง ประตูนรกจะถูกปิดมิดชิด และชัยฏอนจะถูกล่ามโซ่ตรวน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ และ มุสลิม)

ประตูสวรรค์ถูกเปิด สวรรค์ที่มีทุกอย่างที่มนุษย์ปรารถนาอยู่ในนั้น สวรรค์ที่เป็นจุดหมายปลายทางของหัวใจผู้ศรัทธาทุกคนที่ล้วนถวิลหาการกลับไปยังสถานที่อันบรมสุขแห่งนั้น สวรรค์ที่ไม่มีความทุกข์ ไม่มีบททดสอบ ไม่มีภยันตรายใดๆ ทั้งคำพูด ทั้งวาจา ทั้งใจ ทั้งกาย ทุกการกระทำในสวรรค์คือสิ่งที่เราทุกคนแสวงหาทั้งสิ้น เมื่อเราะมะฎอนมาถึง ประตูสวรรค์ทั้งหมดจะถูกเปิด ไม่มีบานใดที่ปิดเลย อัลลอฮุอักบัร !

ในขณะที่ประตูนรกนั้นถูกปิดหมด ไม่ให้มีเรื่องราวที่จะทำร้ายความรู้สึกและกำลังใจผู้ศรัทธาในการปฏิบัติความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัตรูตัวฉกาจของพวกเขา นั่นคือ ชัยฏอน ที่คอยทำลายความตั้งใจและอะมัลของพวกเขา อัลลอฮ์จะล่ามชัยฏอนไม่ให้มีความอิสระในการฉุดรั้งความดีของผู้ศรัทธาในเดือนเราะมะฎอน

นี่คือคุณค่าที่เราทุกคนทราบดี และมีคุณค่าอีกมากมายที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้แจ้งให้เราทราบผ่านหะดีษของท่าน คำถามก็คือ เราเคยสงสัยไหมว่าเหตุใดเราะมะฎอนจึงมีคุณค่ามากมายเพียงนี้? คุณค่าเป็นสิบเป็นร้อยในเดือนเราะมะฎอนทำไมถึงไม่ปรากฏในเดือนอื่น ทำไมถึงมีเฉพาะในเดือนเราะมะฎอน แน่นอนมันย่อมต้องมีสาเหตุที่ทำให้มันประเสริฐขนาดนี้ และสาเหตุดังกล่าวนั้นคงอยู่ไม่ไกลถ้าหากเราจะบอกว่า นี่แหละคือต้นตอที่ทำให้เราะมะฎอนมีคุณค่ามีความประเสริฐมากมายเหลือเกิน

นั่นเป็นเพราะว่า เราะมะฎอน มีค่ำคืนหนึ่งที่มีความพิเศษกว่าค่ำคืนทั้งมวล เป็นค่ำคืนที่มีเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ค่ำคืนที่อัลลอฮ์ได้บอกกับเราว่า

﴿ إِنَّآ أَنزَلۡنَٰهُ فِي لَيۡلَةِ ٱلۡقَدۡرِ 1 ﴾ [القدر: 1] 

ความว่า “แท้จริงแล้ว เราได้ประทานมัน(อัลกุรอาน)ลงมาในค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์” (อัล-ก็อดร์  1)

ค่ำคืนที่คัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานลงมาในคืนนั้น คือค่ำคืนที่อยู่ในเดือนเราะมะฎอน และเป็นค่ำคืนแห่งความบะเราะกะฮ์มีความประเสริฐอันมากมาย

﴿ إِنَّآ أَنزَلۡنَٰهُ فِي لَيۡلَةٖ مُّبَٰرَكَةٍۚ إِنَّا كُنَّا مُنذِرِينَ 3 ﴾ [الدخان: 3] 

ความว่า “แท้จริงแล้ว เราได้ประทานมัน(อัลกุรอาน)ลงมาในค่ำคืนหนึ่งที่ล้นยิ่งด้วยบะเราะกะฮ์ แท้จริงแล้ว เราเป็นผู้ให้ข่าวตักเตือน” (อัด-ดุคอน 3)

ตัวอัลกุรอานเองนั้นเป็นคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยบะเราะกะฮ์ อัลลอฮ์ตรัสว่า

﴿ كِتَٰبٌ أَنزَلۡنَٰهُ إِلَيۡكَ مُبَٰرَكٞ لِّيَدَّبَّرُوٓاْ ءَايَٰتِهِۦ وَلِيَتَذَكَّرَ أُوْلُواْ ٱلۡأَلۡبَٰبِ 29 ﴾ [ص: 29] 

ความว่า “คัมภีร์ที่เราประทานลงมาแก่เจ้านั้นเป็นคัมภีร์ที่เปี่ยมยิ่งด้วยบะเราะกะฮ์ เพื่อให้พวกเขาได้พินิจใคร่ครวญโองการของมัน และเพื่อให้บรรดาผู้มีปัญญาได้ระลึกถึงบทเรียน” (ศอด 29)

คัมภีร์ที่บะเราะกะฮ์ ถูกประทานลงมาในค่ำคืนที่บะเราะกะฮ์ เพราะฉะนั้นเราจึงเรียกเดือนเราะมะฎอน เดือนแห่งการประทานอัลกุรอานว่า เราะมะฎอน มุบาร็อก เราะมะฎอนที่เปี่ยมไปด้วยบะเราะกะฮ์ ซึ่งเราอาจจะพูดได้ว่าสาเหตุที่ทำให้เราะมะฎอนเปี่ยมไปด้วยบะเราะกะฮ์ก็เพราะอัลกุรอานุลกะรีม

 

พี่น้องครับ

อัลกุรอานคือเหตุที่เราควรจะต้องยินดีและเบิกบานใจ หากมีเหตุใดเหตุหนึ่งที่ผู้ศรัทธาจะต้องรู้สึกปลื้มปิติอย่างล้นหลามด้วยแล้ว ย่อมต้องเป็นอัลกุรอานนี่แหละที่พวกเขาจะต้องรู้สึกยินดีเป็นที่สุดในชีวิต ไม่มีสิ่งใดที่เราจะต้องดีใจมากไปกว่าการที่เราได้รับอัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาเป็นของขวัญให้กับมนุษยชาติทั้งปวง อัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

﴿ يَٰٓأَيُّهَا ٱلنَّاسُ قَدۡ جَآءَتۡكُم مَّوۡعِظَةٞ مِّن رَّبِّكُمۡ وَشِفَآءٞ لِّمَا فِي ٱلصُّدُورِ وَهُدٗى وَرَحۡمَةٞ لِّلۡمُؤۡمِنِينَ 57 قُلۡ بِفَضۡلِ ٱللَّهِ وَبِرَحۡمَتِهِۦ فَبِذَٰلِكَ فَلۡيَفۡرَحُواْ هُوَ خَيۡرٞ مِّمَّا يَجۡمَعُونَ 58 ﴾ [يونس: 57،  58] 

ความว่า “โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงโอวาทจากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าได้มาถึงยังพวกเจ้าแล้ว มันเป็นโอสถเยียวยาให้แก่สิ่งที่อยู่ในหัวอก เป็นทางนำและความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธา จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด)ด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮ์และความเมตตาของพระองค์นั้นให้พวกเขาได้แสดงความยินดีปรีดา มันย่อมดีกว่าสิ่งที่พวกเขาแสวงหารวบรวม” (ยูนุส 57-58)

ในสองอายะฮ์นี้ อัลลอฮ์เรียกมนุษย์ทุกคน ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ศรัทธา เป็นอายะฮ์ที่ให้คุณลักษณะของอัลกุรอานได้อย่างงดงามมาก อัลกุรอานคือคำพูดดีๆ ที่เตือนใจซึ่งมาจากพระผู้เป็นเจ้า เป็นสารมาจากอัลลอฮ์ ไม่ใช่คำพูดของสิ่งถูกสร้างที่ต่ำต้อยที่ไหน แต่เป็นคำพูดของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก

อัลกุรอานเป็นโอสถเยียวยาที่ชโลมหัวใจซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ เวลาที่หัวใจของเราห่อเหี่ยวหดหู่เรามักจะหาคำพูดดีๆ ของผู้อื่นมาสร้างกำลังใจ แต่เราเคยคิดไหมว่ามีคำพูดของใครที่จะดีไปกว่าคำพูดของอัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างหัวใจให้กับเรา แน่นอน อัลกุรอานยังเป็นทางนำและความเมตตาสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา

อัลลอฮ์สั่งให้เรายินดีกับความเมตตานี้ของพระองค์ ยินดีกับการที่เราได้รับอัลกุรอานและเราได้เป็นผู้ที่ใช้อัลกุรอานในชีวิตของเรา[1] หากมีอะไรที่เราจะพูดกล่าวแสดงความยินดีแก่กันไม่มีอะไรที่สมควรแก่การแสดงความยินดีมากไปกว่าการที่เราได้รับของขวัญนี้ นั่นคืออัลกุรอานที่เป็นทางนำในการดำรงชีวิต นี่คือสิ่งที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่เราแสวงหาและสะสมเก็บไว้ในโลกดุนยานี้

 

พี่น้องครับ

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราะมะฎอนเดือนแห่งอัลกุรอานมาถึง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านจะกำหนดภารกิจของท่านกับอัลกุรอานในเดือนเราะมะฎอน รายงานจากท่านอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า

«كَانَ النبيُّ صَلَّى اللهُ عليه وسلَّمَ أجْوَدَ النَّاسِ بالخَيْرِ، وكانَ أجْوَدُ ما يَكونُ في رَمَضَانَ حِينَ يَلْقَاهُ جِبْرِيلُ، وكانَ جِبْرِيلُ عليه السَّلَامُ يَلْقَاهُ كُلَّ لَيْلَةٍ في رَمَضَانَ، حتَّى يَنْسَلِخَ، يَعْرِضُ عليه النبيُّ صَلَّى اللهُ عليه وسلَّمَ القُرْآنَ، فَإِذَا لَقِيَهُ جِبْرِيلُ عليه السَّلَامُ، كانَ أجْوَدَ بالخَيْرِ مِنَ الرِّيحِ المُرْسَلَةِ» [البخاري 1902 ومسلم 2308]

ความว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นคนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่สุดในการบริจาคทาน และท่านยังเป็นคนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างที่สุดในเดือนเราะมะฎอนเมื่อท่านได้พบกับญิบรีล ซึ่งญิบรีลจะพบกับท่านนบีทุกค่ำคืนของเดือนเราะมะฎอนจนกว่ามันจะจบเดือน เพื่อสอนทบทวนอัลกุรอาน แท้จริงแล้วท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อญิบรีลพบกับท่านนั้น ท่านจะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในการให้บริจาคยิ่งกว่าลมที่พัดแรงเสียอีก” (อัล-บุคอรีย์ 1902 และมุสลิม 2308)

หะดีษนี้สอนให้เราทราบว่า การให้ความสำคัญกับอัลกุรอานในเดือนเราะมะฎอนเป็นแบบฉบับของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ด้วยการร่วมกันศึกษาอัลกุรอานระหว่างผู้ศรัทธาด้วยกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่ำคืนแห่งเราะมะฎอน เพราะนี่คือเดือนแห่งอัลกุรอาน ถ้าสมมติว่าชีวิตของเราในเราะมะฎอนไม่ได้มีอะไรเตรียมที่จะให้เวลากับอัลกุรอานเลยนั่นแสดงว่าเราไม่ได้เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของเดือนเราะมะฎอน

ดังนั้น มาช่วยกันคิดว่าจะวางแผนอย่างไรให้ทั้งสามสิบวันของเราะมะฎอนนี้ เราจะได้ใช้เวลาอย่างมีคุณค่ากับคัมภีร์อัลกุรอาน เราจะได้ยินดีและมีความสุขกับการต้อนรับของขวัญจากอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ในเดือนที่เวียนมาบรรจบแค่ปีละครั้งเท่านั้น

 

พี่น้องทั้งหลายครับ

ในหะดีษของอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ข้างต้น อุละมาอ์อย่างท่านอิบนุ เราะญับ ได้เอามาถอดบทเรียนให้เราใช้ปฏิบัติว่า

قال ابن رجب -رحمه الله-: "دل الحديث على استحباب دراسة القرآن في رمضان والاجتماع على ذلك، وعرض القرآن على من هو أحفظ له، وفيه دليل على استحباب الإكثار من تلاوة القرآن في شهر رمضان وخاصة ليلا؛ لأن في حديث ابن عباس -رضي الله عنهما- أن المدارسة كانت ليلا، ولأن الليل تنقطع فيه الشواغل ويجتمع فيه الهم، ويتواطأ فيه القلب واللسان على التدبر، كما قال -تعالى-: {إِنَّ نَاشِئَةَ اللَّيْلِ هِيَ أَشَدُّ وَطْئًا وَأَقْوَمُ قِيلا} [المزمل:6]". أهـ بتصرف من لطائف المعارف ص246.

رابط المادة: http://iswy.co/evo2n

ข้อสรุปของบทเรียนจากหะดีษนี้ก็คือ ส่งเสริมให้มีการนั่งศึกษาอัลกุรอานร่วมกัน และอ่านอัลกุรอานให้ฟังกับคนที่มีความรู้มากกว่าเราเพื่อให้เขาช่วยแก้ไขปรับปรุงการอ่านของเราให้ถูกต้อง และส่งเสริมให้อ่านอัลกุรอานให้มากในเดือนเราะมะฎอน โดยเฉพาะในยามค่ำคืน เพราะในหะดีษบอกว่าท่านนบีอ่านอัลกุรอานกับญิบรีลในเวลากลางคืน ซึ่งกลางคืนเป็นเวลาที่สงบกว่าและหัวใจนิ่งกว่าในการซึมซาบความหมายของอัลกุรอานในขณะที่เปล่งเสียงอ่านออกมา

เดือนเราะมะฎอนกับอัลกุรอานนั้นมีความสัมพันธ์แนบแน่น หากเราะมะฎอนของเราไร้การเข้าใกล้อัลกุรอานก็ย่อมไม่มีคุณค่าที่แท้จริง นอกจากนี้ แม้ว่าอัลกุรอานคือทางนำชี้ทางสำหรับมนุษย์ทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับประโยชน์จากมัน ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากอัลกุรอานก็คือบรรดาผู้ที่มีความตักวา/ยำเกรงต่ออัลลอฮ์เท่านั้น แน่นอนว่าเราะมะฎอนมาพร้อมกับอัลกุรอานที่เป็นทางนำ หรือ ฮิดายะฮ์ อิรชาด หมายถึงแจกแจงและชี้ให้เห็นถึงความดีงามต่างๆ ให้แก่มนุษย์ แต่บางคนก็ไม่พร้อมที่จะรับทางนำจากอัลกุรอานจึงไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ได้เลย ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากอัลกุรอานต้องมี ทางนำ ที่เรียกว่า ฮิดายะฮ์ เตาฟีก จากอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ซึ่งการเตาฟีกดังกล่าวพระองค์จะให้กับบรรดาคนที่มีใจพร้อมด้วยความยำเกรงต่อพระองค์เท่านั้น[2]

พระองค์ตรัสว่า

﴿ ذَٰلِكَ ٱلۡكِتَٰبُ لَا رَيۡبَۛ فِيهِۛ هُدٗى لِّلۡمُتَّقِينَ 2 ﴾ [البقرة: 2] 

ความว่า “คัมภีร์เล่มนั้นไม่มีความคลางแคลงใดๆ ในนั้น เป็นทางนำแก่บรรดาผู้ที่มีความตักวา” (อัล-บะเกาะเราะฮ์  2)

ลองถามตัวเองว่าเรารู้สึกอย่างไรกับอัลกุรอาน โดยเฉพาะในเดือนเราะมะฎอนนี้ เราได้วางแผนอย่างไรบ้างที่จะให้ชีวิตของเราใกล้ชิดกับอัลกุรอาน ให้ตั้งเป้าหมายเราะมะฎอนของเราที่จะใช้ชีวิตกับอัลกุรอาน ทั้งฟัง อ่าน เรียน ตะดับบุร ทำความเข้าใจ ฝึกฝน ทำตามให้มากที่เพื่อบรรลุระดับแห่งความตักวาอันเป็นตำแหน่งและมาตรฐานที่อัลลอฮ์ใช้วัดคุณค่าที่แท้จริงของบ่าวทุกคน และเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากอัลกุรอานอย่างเต็มเปี่ยม อินชาอ์อัลลอฮ์



[1] ดูการอธิบายเพิ่มเติมในตัฟสีรอัฏ-เฏาะบะรีย์

[2] ดูการอธิบายเพิ่มเติมในตัฟสีรอัส-สะอฺดีย์ อายะฮ์ที่ 2 จากสูเราะฮ์ อัล-บะเกาะเราะฮ์