วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568

รู้จักพระเจ้า - ซุฟอัม อุษมาน

 


มารู้จักพระเจ้ากันเถิด

 

เหตุใดมนุษย์จำเป็นต้องรู้จักพระเจ้า?

มนุษย์จำเป็นต้องรู้จักพระเจ้าด้วยเหตุผลหลายประการที่สำคัญ ซึ่งเชื่อมโยงกับการดำรงชีวิตในโลกนี้และชีวิตหลังความตาย

  • เพื่อรู้เป้าหมายและหนทางในการกลับคืนสู่พระองค์ มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเอง และเมื่อหมดลมหายใจก็จะจากโลกนี้ไป การรู้จักพระเจ้าทำให้เราเข้าใจว่าเราจะต้องกลับไปหาผู้ทรงสร้างเรามา ชีวิตในโลกนี้จึงเป็นการเตรียมตัวสำหรับชีวิตนิรันดร์ในโลกหลังความตาย การรู้จักพระเจ้าช่วยให้มนุษย์รู้ว่าเป้าหมายของชีวิตอยู่ที่ใด และรู้วิธีการที่จะกลับไปหาพระองค์ เมื่อได้ยินข่าวการตาย ศาสนาอิสลามสอนให้กล่าวว่า

إنا لله وإنا إليه راجعون

อินนาลิลลาฮ์ วะอินนา อิลัยรอญิอูน

"แท้จริงเราเป็นของอัลลอฮ์ และยังพระองค์ที่เราจะต้องกลับไป"

นอกจากนี้ การละหมาดยังสอนให้มนุษย์วิงวอนขอ "ทางที่เที่ยงตรง" เพื่อนำทางกลับไปหาพระองค์

  • เพื่อความรอดพ้นและการป้องกันจากการลงโทษ การรู้จักพระเจ้าช่วยให้มนุษย์สามารถเลือกหนทางที่นำไปสู่ความรอดปลอดภัยจากการถูกลงโทษในโลกหน้าได้
  • เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ในการพึ่งพิงและหาที่ยึดเหนี่ยว มนุษย์มีคุณสมบัติที่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ และต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งพิง เนื่องจากมนุษย์อ่อนแอ และกลัวสิ่งสองอย่างคือ กลัวไม่ปลอดภัยและกลัวไม่มีกิน อย่างไรก็ตาม หากมนุษย์ไม่รู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง อาจจะไปพึ่งพาสิ่งที่ตนเองคิดว่าจะคุ้มครองได้ เช่น ตะกรุด เครื่องรางของขลัง หรือการสะสมทรัพย์สินด้วยความโลภ แต่เมื่อรู้จักพระเจ้า มนุษย์จะเชื่อว่าพระองค์คือผู้คุ้มครองและผู้ประทานปัจจัยยังชีพ ทำให้ไม่ต้องกลัวเรื่องความอดอยากหรือต้องพึ่งพาสิ่งอื่นใด
  • เพื่อเข้าใจสถานะของตนเองในฐานะผู้ถูกสร้างและเป็นบ่าวของพระองค์ การรู้จักพระเจ้าจะช่วยให้มนุษย์วางตัวได้อย่างถูกต้อง โดยเข้าใจว่าตนเองเกิดมาในฐานะบ่าวที่ต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ การทำตามคำสั่งของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นศาสนกิจหรือการดำเนินชีวิตประจำวัน หากทำด้วยความศรัทธาและตามแบบอย่างที่ถูกต้อง ก็จะกลายเป็นการแสดงความเคารพภักดีต่อพระองค์และได้รับผลตอบแทนที่ดี
  • เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนและได้รับผลตอบแทนที่ดีในชีวิต คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า

﴿ إِنَّ ٱلۡإِنسَٰنَ لَفِي خُسۡرٍ 2 إِلَّا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ وَعَمِلُواْ ٱلصَّٰلِحَٰتِ ﴾ [العصر: 2،  3] 

"แท้จริงมนุษย์เป็นผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน เว้นแต่ผู้ที่ศรัทธาและกระทำความดี"

การศรัทธาในพระเจ้าพร้อมกับการกระทำความดี จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากมนุษย์กระทำความดีด้วยเจตนาเพื่อพระองค์ การงานนั้นจะถูกตอบแทนและถือว่าเป็นการถวายแด่พระเจ้า แม้แต่การคิดดีก็ได้รับรางวัลตอบแทนหนึ่งความดี และการคิดชั่วแล้วละทิ้งความชั่วก็ยังได้รับหนึ่งความดี การมีศรัทธาในพระเจ้าจึงไม่ทำให้ขาดทุน แต่การไม่มีศรัทธาต่างหากที่ทำให้ขาดทุน เพราะไม่รู้ว่าตนเองจะใช้ชีวิตเพื่อใครและอย่างไร

  • เพื่อยกระดับจิตวิญญาณและชำระล้างจิตใจ การรู้จักคุณสมบัติและพระนามของพระเจ้า เช่น การเป็นผู้ให้อภัย, ผู้ทรงเมตตา, ผู้ทรงกรุณาปรานี จะช่วยให้มนุษย์ได้นำคุณสมบัติเหล่านี้มาใช้ในการดำเนินชีวิต เช่น การให้อภัยผู้อื่นเมื่อถูกทำให้โกรธ หรือการหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ การกระทำเช่นนี้เป็นการยกระดับจิตวิญญาณและทำให้จิตใจบริสุทธิ์และสูงส่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเข้าใกล้พระองค์มากขึ้น

 

มนุษย์จะรู้จักพระเจ้าได้อย่างไร?

มนุษย์จะรู้จักพระเจ้าได้อย่างไรนั้น สามารถพิจารณาได้จากหลายแง่มุมดังนี้:

  • โดยคุณสมบัติพื้นฐานของมนุษย์ที่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์และต้องการที่ยึดเหนี่ยว มนุษย์มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งคือ เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ไพศาล และต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวเป็นสรณะ เนื่องจากมนุษย์อ่อนแอและกลัวสิ่งสองอย่างคือ กลัวไม่ปลอดภัยและกลัวไม่มีกิน ก่อนที่วิญญาณมนุษย์จะเข้ามาจุติในร่าง พระองค์ทรงให้ดวงวิญญาณได้ยืนยันกับพระองค์ก่อนว่า พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าของดวงวิญญาณทั้งหลาย
  • ผ่านการแนะนำตัวของพระเจ้าและศาสดาผู้เผยแผ่ พระเจ้าได้แนะนำพระองค์เองมาโดยตลอด ตั้งแต่มีมนุษย์บนโลกใบนี้ และมนุษย์ก็ได้รับการแนะนำให้รู้จักพระเจ้ามาโดยตลอด พระองค์ได้ทรงส่งศาสดา (นบี) มาเพื่อบอกให้มนุษย์ได้รู้ว่าพระองค์เป็นผู้คุ้มครองและเป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพ ศาสดาทั้งหลาย เช่น โมเสส, พระเยซู, และท่านนบีมุฮัมมัด ล้วนมายืนยันหลักศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว ศาสดาไม่ได้คิดคำสอนขึ้นมาเอง แต่พระเจ้าเป็นผู้บอกให้ศาสดามาสั่งสอนมนุษย์
  • จากการศึกษาคัมภีร์และวจนะของพระเจ้า คัมภีร์อัลกุรอานกล่าวถึงการมีอยู่ของพระเจ้าองค์เดียวและคุณสมบัติของพระองค์ อัลกุรอานซึ่งเป็นพระดำรัสของพระเจ้าที่ประทานให้แก่มนุษย์ผ่านท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ระบุว่า

﴿ قُلۡ هُوَ ٱللَّهُ أَحَدٌ 1 ٱللَّهُ ٱلصَّمَدُ 2 ﴾ [الإخلاص: 1،  2] 

"จงกล่าวเถิด พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียว พระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของสิ่งทั้งหมด"

หรือแม้กระทั่งคัมภีร์โบราณบางเล่ม เช่น คัมภีร์พระเวท, พระไตรปิฎก (อรรถกถา), ไบเบิล ก็ล้วนมีการกล่าวถึงการมีอยู่ของพระเจ้าองค์เดียวและคุณสมบัติของพระองค์ เช่น คัมภีร์ไบเบิล กล่าวถึงพระเจ้าว่าเป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และสิ่งบนโลกนี้ และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก คัมภีร์พระเวท ซึ่งมาก่อนศาสนาพุทธ ก็กล่าวว่าพระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีผู้ใดสมควรได้รับการกราบไหว้นอกจากพระองค์และโลกนี้ไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากพระองค์ แม้ว่าจะมีส่วนอื่นๆ ในคัมภีรเหล่านี้ที่ถูกบิดเบือนไปตามกาลเวลาและยุคสมัยก็ตาม นอกจากอัลกุรอานที่ยังคงรักษาความเที่ยงตรงไว้ตลอดไป

  • โดยการเรียนรู้และเข้าใจคุณสมบัติและพระนามของพระองค์ การรู้จักพระเจ้าไม่ได้หมายถึงแค่การเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่ แต่ต้อง เชื่อในคุณสมบัติและพระนามของพระองค์ทั้งหมด การรู้จักคุณสมบัติของพระเจ้า เช่น ทรงเป็นผู้ทรงประเสริฐ, ผู้ทรงให้อภัย, ผู้ทรงกรุณาปรานี, ผู้ทรงเมตตา, ผู้ทรงเห็น, ผู้ทรงได้ยิน, ผู้ทรงรอบรู้ จะช่วยให้มนุษย์สามารถนำคุณสมบัติเหล่านั้นมาใช้ในการดำเนินชีวิต การนำคุณสมบัติของพระองค์มาใช้ เช่น การให้อภัยผู้อื่น หรือการช่วยเหลือผู้ยากไร้ เป็นการยกระดับจิตวิญญาณและทำให้จิตใจบริสุทธิ์และสูงส่งขึ้น
  • จากการสังเกตสิ่งถูกสร้างและระบบระเบียบในจักรวาล การมีอยู่ของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีอาคารสูงหลายสิบชั้น แสดงถึงความมั่งคั่งและความสามารถของผู้เป็นเจ้าของ เช่นเดียวกับโลกและจักรวาลที่มีระบบระเบียบ การโคจรของดวงดาว และบรรยากาศ 7 ชั้นที่คอยปกป้องมนุษย์ ล้วนเป็นหลักฐานโดยปริยายที่ยืนยันถึงการมีอยู่ของพระเจ้าผู้ทรงสร้าง มนุษย์สามารถประดิษฐ์ดาวเทียมที่มองเห็นความเคลื่อนไหวบนโลกได้ พระเจ้าผู้สร้างมนุษย์ก็ย่อมมองเห็นการกระทำของมนุษย์ได้เช่นกัน

 

คุณลักษณะของพระเจ้า

ในการอธิบายของศาสนาอิสลาม พระเจ้า (อัลลอฮ์) มีคุณลักษณะและพระนามอันงดงามมากมาย ซึ่งเป็นที่มาของการรู้จักพระองค์สำหรับมนุษย์ การรู้จักพระเจ้าไม่ได้หมายถึงแค่การเชื่อว่าพระองค์มีอยู่ แต่ต้อง เชื่อในคุณสมบัติและพระนามของพระองค์ทั้งหมด คุณลักษณะสำคัญของพระเจ้าในการอธิบายของศาสนาอิสลาม ตัวอย่างบางส่วน อาทิ:

  • ความเป็นหนึ่งเดียว (เตาฮีด):
    • พระองค์ทรงเป็น หนึ่งเดียว (อะฮัด) ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของสิ่งทั้งหมด
    • เตาฮีด หมายถึง การรวมให้เป็นหนึ่ง คือการเชื่อว่าอัลลอฮ์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้าสูงสุด ควรค่าแก่การเคารพสักการะ เป็นผู้ทรงสร้าง ทรงบริหาร ดูแล และคุ้มครองทุกสิ่ง และเป็นผู้ที่มนุษย์ต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตาม
  • ผู้ทรงสร้างและผู้ดูแลจักรวาล:
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้สร้าง (อัล-คอลิก) ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และสิ่งบนโลกนี้
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงกำเนิดสิ่งทั้งปวง และเป็น ผู้ที่ทรงกำหนดกฎระเบียบและนำทางทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เป็นไปตามที่พระองค์ทรงกำหนดไว้
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ดูแล (ร็อบบ์) หรือผู้ทรงอภิบาลของโลกทั้งหลาย ไม่ใช่แค่โลกนี้ใบเดียว แต่รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งบนดิน ในน้ำ และดาวอื่นๆ อีกแสนล้านดวง
    • โลกนี้ไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากพระองค์ และยังคงอยู่ตราบใดที่พระองค์ทรงรักษามันไว้
  • ผู้ทรงอยู่เหนือกฎธรรมชาติและจินตนาการของมนุษย์:
    • พระองค์ไม่เหมือนกับสิ่งใดที่มองเห็นได้ มนุษย์จึงไม่สามารถจินตนาการ วาดรูป หรือปั้นรูปพระเจ้ามาเคารพสักการะได้
    • พระองค์ ทรงไม่มีลูกหรือพ่อ และไม่จำเป็นต้องมีคู่ครองเพื่อมีกำเนิด การที่พระองค์ให้ท่านนบีอีซา (พระเยซู) เกิดมาโดยไม่มีพ่อ ก็เพื่อแสดงถึง อำนาจของพระองค์ที่อยู่เหนือกฎธรรมชาติ
    • พระองค์ อยู่เหนือกาลเวลา และ ไม่พึ่งพาสิ่งใด ในขณะที่สรรพสิ่งทั้งหลายพึ่งพาพระองค์
  • คุณสมบัติแห่งการมีอยู่และความสมบูรณ์:
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงสัตย์จริง (ผู้รักษาคำมั่นสัญญา)
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงชีวิน (ผู้ทรงชีวิต) และ ไม่มีวันตาย พระองค์จะยังคงอยู่เพียงผู้เดียวเมื่อโลกสิ้นสลาย
    • พระองค์ทรง ดำรงอยู่ได้ด้วยพระองค์เอง ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ได้อย่างไร
  • คุณสมบัติแห่งความรักและความเมตตา:
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงกรุณาปรานี (อัร-เราะฮ์มาน) และ ผู้ทรงเมตตา (อัร-เราะฮีม) เสมอ
    • ความกรุณาปรานีของพระองค์เห็นได้ในโลกนี้ ที่พระองค์ประทานแสงแดด น้ำฝน อาหารให้แก่ทุกชีวิต ส่วน ความเมตตาของพระองค์ (อัร-เราะฮีม) จะประทานให้แก่ดวงวิญญาณที่มีความศรัทธาในโลกหน้า เพื่อเป็นผลตอบแทน
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงให้อภัย (อัล-ฆ็อฟฟาร) เสมอ และ จะพยายามหาทางให้อภัยความผิดทุกอย่าง ของมนุษย์ เว้นแต่การชิริกหรือบูชาสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากพระองค์ หากมนุษย์บนโลกนี้ไม่ทำผิดเลย พระองค์ก็จะสร้างมนุษย์รุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อให้มีผู้ที่ทำผิด เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงให้อภัย
  • คุณสมบัติแห่งการรับรู้และการตัดสิน:
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงเห็น (อัล-บะซีร) ทุกการกระทำของมนุษย์ เปรียบได้กับการที่มนุษย์สร้างดาวเทียมที่โคจรรอบโลกและมองเห็นความเคลื่อนไหวบนโลกได้ พระองค์ผู้สร้างมนุษย์ก็ย่อมมองเห็นการกระทำของมนุษย์ได้เช่นกัน
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงได้ยิน (อัส-สะมีอฺ) แม้กระทั่งเสียงกระซิบในความคิดของมนุษย์
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงรอบรู้ (อัล-อะลีม)
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงคุ้มครอง (อัล-ฮาฟิซ)
    • พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงเห็นคุณค่า (อัช-ชะกูร) หมายถึง ผู้ที่เห็นคุณค่าในการงานของบ่าว หากมนุษย์ทำความดีด้วยเจตนาเพื่อพระเจ้า พระองค์จะทรงตอบแทน แม้กระทั่งการคิดดีก็ได้รับรางวัล หากเจตนาทำดี แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติก็ได้รับผลบุญแล้วหนึ่งความดี และหากทำดี จะได้รับผลบุญ 10 เท่า หากคิดชั่วแต่ไม่ทำ พระองค์ก็ยังให้ผลตอบแทนเป็นความดีหนึ่งอย่าง

อัลลอฮ์คือพระเจ้าที่แท้จริง

อัลลอฮ์ คือพระนามเฉพาะของพระเจ้าในศาสนาอิสลาม และการกล่าวว่า "อัลลอฮ์คือพระเจ้าที่แท้จริง" หมายถึงการยืนยันถึง

    • ความเป็นหนึ่งเดียวและสูงสุด: มีเพียง อัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้นที่ทรงเป็นพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากพระองค์ และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนหรือเป็นหุ้นส่วนกับพระองค์ พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่มีที่สอง
    • ผู้ทรงสร้างและดูแลทุกสรรพสิ่ง: พระองค์คือ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดพระองค์ทรง บริหาร ดูแล และคุ้มครอง ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง รวมถึง ประทานปัจจัยยังชีพ ให้แก่มนุษย์และสรรพสัตว์ พระองค์ทรงเป็น ผู้กำหนดกฎระเบียบและนำทางทุกสิ่ง ให้เป็นไปตามที่พระองค์ทรงกำหนด
    • ผู้ทรงอยู่เหนือขีดจำกัดใดๆ: ไม่มีสิ่งใดเหมือนพระองค์ มนุษย์จึงไม่สามารถจินตนาการ วาดรูป หรือปั้นรูปเคารพเพื่อบูชาพระองค์ได้ พระองค์ ดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง และทรงอยู่เหนือกาลเวลา โดยไม่มีวันตายพระองค์ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งใด ในขณะที่ทุกสรรพสิ่งต้องพึ่งพาพระองค์
    • ผู้สมควรแก่การเคารพสักการะและเชื่อฟังแต่เพียงผู้เดียว: การศรัทธาในอัลลอฮ์ในฐานะพระเจ้าที่แท้จริง หมายถึงการมอบความเคารพสักการะและการปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว พระองค์ทรงเป็น สิ่งยึดเหนี่ยว (สรณะ) แต่เพียงผู้เดียว ที่มนุษย์ต้องการ

 

คุณค่าจากการศรัทธาต่ออัลลอฮ์ พระเจ้าที่แท้จริง

การศรัทธาในพระเจ้า (อัลลอฮ์) ในศาสนาอิสลามนำมาซึ่งประโยชน์และคุณค่ามากมายต่อชีวิตมนุษย์ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คุณประโยชน์เหล่านี้ช่วยให้มนุษย์ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข มีหลักยึดมั่น และเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตนิรันดร์

คุณประโยชน์จากการศรัทธาในพระเจ้าที่แท้จริง ได้แก่:

  • ความรอดพ้นและจุดมุ่งหมายของชีวิต
    • การรู้จักพระเจ้าทำให้มนุษย์ รู้ว่าตนเองมีสถานะเป็นบ่าวที่ต้องเชื่อฟังพระเจ้า ซึ่งเป็นนาย
    • มนุษย์จะเข้าใจว่าตนไม่ได้เกิดมาเอง และวันหนึ่งจะต้องจากโลกนี้ไป โดยมี จุดหมายปลายทางคือการกลับไปหาพระเจ้าผู้ทรงสร้าง
    • การศรัทธาทำให้มนุษย์ รู้จักวิธีการกลับไปหาพระเจ้า และรู้ว่าในที่สุดจะต้องกลับไปยืนต่อหน้าพระองค์เพื่อตอบคำถามในการกระทำที่ผ่านมา
    • นำไปสู่ ความรอดปลอดภัยจากการถูกลงโทษในโลกหน้า และเป็น ทางรอดที่แท้จริงในโลกหน้า
  • ความสงบทางจิตใจและหลักยึดมั่น
    • มนุษย์จะมีความเชื่อมั่นในคุณสมบัติของพระเจ้า ซึ่งทำให้ ดำเนินชีวิตด้วยความสุข และ ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวหรือกังวลต่อสิ่งใดๆ
    • ไม่จำเป็นต้อง เกรงกลัวผู้ใด หรือแสวงหาเครื่องรางของขลัง ตะกรุด มาคุ้มครอง เพราะเชื่อว่า พระเจ้าทรงคุ้มครอง อยู่แล้ว
    • ไม่จำเป็นต้อง กลัวว่าจะอดตาย เพราะพระเจ้าทรงเป็น ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ
    • การศรัทธาช่วยให้มี หลักยึดมั่นและสิ่งควบคุมใจ มนุษย์ทุกคนมีความต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวเป็นสรณะ และพระเจ้าทรงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวแต่เพียงองค์เดียว
  • การยกระดับจิตวิญญาณและผลตอบแทน
    • การศรัทธาและการกระทำความดี จะทำให้การงานในชีวิตประจำวัน กลายเป็นผลบุญ แม้เพียงแค่คิดดีก็ได้รับผลบุญแล้วหนึ่งความดี และหากนำเจตนาดีไปปฏิบัติ จะได้รับผลบุญตอบแทนถึง 10 เท่า
    • ในทางกลับกัน หากคิดชั่ว พระองค์ยังไม่คิดว่าเป็นบาป แต่หากทำชั่ว พระองค์จะคิดเป็นบาปเพียงหนึ่งเดียว พระองค์จะพยายามหาทางให้มนุษย์ได้รับความดีอยู่ตลอดเวลา
    • พระเจ้าทรงเป็น "อัช-ชะกูร" (Appreciative) หมายถึง ผู้ที่เห็นคุณค่าในการงานของบ่าว และจะทรงตอบแทนให้
    • พระเจ้าทรงเป็น ผู้ทรงให้อภัย (อัล-ฆ็อฟฟาร) เสมอ หากมนุษย์ไม่บูชาสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากพระองค์ พระองค์จะ ให้อภัยบาปทุกอย่าง และการให้อภัยโทษนี้เป็น เงื่อนไขแรกในการเข้าสู่สวรรค์ ของพระองค์
    • มนุษย์ได้รับคุณสมบัติบางประการจากพระเจ้า เช่น การมองเห็น การได้ยิน การให้อภัย การมีเมตตา การนำคุณสมบัติเหล่านี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การให้อภัยผู้อื่น จะทำให้ จิตใจเบิกบาน ความเครียดและความแค้นหมดไป และเป็นการ ยกระดับด้านจิตวิญญาณให้เข้าใกล้พระเจ้า
    • การทำความดีกับผู้อื่น เช่น การบริจาคทาน การยิ้มให้ การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หรือแม้แต่การนำสิ่งกีดขวางออกจากถนน ก็เป็นการแสดงออกถึงการเคารพภักดีต่อพระเจ้า และ เป็นการยกระดับจิตวิญญาณ ด้วยเช่นกัน
  • ชีวิตไม่ขาดทุน
    • คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า "แท้จริงมนุษย์เป็นผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน เว้นแต่ผู้ที่ศรัทธาและกระทำความดี" ดังนั้น การศรัทธาในพระเจ้าจึง ไม่ทำให้ชีวิตขาดทุน แต่ตรงกันข้าม การไม่ศรัทธาทำให้ไม่รู้ว่าชีวิตจะทำเพื่อใครและจะดำเนินชีวิตอย่างไร
    • ผู้ศรัทธาจะได้รับทั้ง ความกรุณาปรานีในโลกนี้ และ รางวัลตอบแทนในรูปของความเมตตาจากพระเจ้าในโลกหน้า ซึ่งผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการได้เป็นชาวสวรรค์

 

การรู้จักพระเจ้าและการศรัทธาดังกล่าวทำให้มนุษย์ รู้จักจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของชีวิต คือการกลับไปหาพระเจ้า และ รู้วิธีการที่จะได้รับความรอดพ้น ซึ่งเป็นการเตรียมตัวสำหรับชีวิตนิรันดร์ในโลกหน้า นอกจากนี้ ยังนำมาซึ่ง ความสงบทางจิตใจและหลักยึดมั่น เพราะเชื่อมั่นในการคุ้มครอง ปัจจัยยังชีพ และการให้อภัยของพระองค์ การทำความดีทุกอย่างที่กระทำด้วยเจตนาเพื่อพระองค์ จะกลายเป็นผลบุญ และช่วย ยกระดับจิตวิญญาณ ของมนุษย์ให้เข้าใกล้พระองค์ ผู้ศรัทธาจะได้รับทั้งความกรุณาปรานีในโลกนี้ และรางวัลตอบแทนในรูปของความเมตตาจากพระเจ้าในโลกหน้า ทำให้ชีวิตไม่ขาดทุนและได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่

 

-----------

เรียบเรียงโดยสรุปจากการบรรยายหัวข้อ รู้จักพระเจ้า รู้จักตัวเอง โดย อ.บรรจง บินกาซัน

https://www.youtube.com/watch?v=gUuh1bYHrE8

#แนะนำอิสลาม #สนใจอิสลาม #รับอิสลาม #มุสลิมใหม่